• อัตราตั๋วเงินคลังของสหรัฐฯอายุ 7 ปี, 10 ปี และ 30 ปี ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะที่อัตราตั๋วเงินคลังอายุ 5 ปี ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 8 ธันวาคมปี 2016 โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากความกังวลจากความเสี่ยงทางการเมืองในยุโรป และนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
การร่วงลงของตั๋วเงินคลังสร้างแรงกดดันทำให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงหลังจากที่กลับมาแข็งค่าเล็กน้อยในช่วง 2 วันทำการ ขณะที่นักลงทุนลดกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนมีนาคมนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้า รวมทั้งนโยบายกลุ่มผู้อพยพของนายทรัมป์
• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงในเช้าวันนี้โดยดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงมา 0.1% ที่ระดับ 100.210 จุด เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ และทรงตัวแถวระดับต่ำสุดในรอบ 10 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินเยนบริเวณ 111.87 เยน/ดอลลาร์ โดยค่าเงินเยนในสัปดาห์นี้ปรับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 10 สัปดาห์ที่ระดับ 111.59 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ระดับ 1.0692 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ปรับแข็งค่าขึ้นประมาณ 0.15% เมื่อคืนนี้
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความไม่พอใจศูนย์การค้าในเครือบริษัท Nordstorm หลังจากที่ยกเลิกขายสินค้าเสื้อผ้าของ นางอีวานก้า ลูกสาวของนายทรัมป์ จึงสร้างความกังวลเพิ่มขึ้นครั้งใหม่ทางภาคธุรกิจ
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด +0.33% ที่ระดับ 52.34 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด +0.13% ที่ระดับ 55.12เหรียญ/บาร์เรล โดยตลาดได้รับแรงสนับสนุนจากการทำ Short Covering ของกลุ่มนักลงทุน และสัญญาณทางเทคนิค ซึ่งตลาดไม่ได้ตอบรับกับรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นอย่างมาก แต่กลับตอบรับกับการที่สัญญาแก๊สโซลีนปรับตัวขึ้นได้เกือบ 4% จากปริมาณสต็อกเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลง
• รายงานจาก EIA เผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเกินคาดแตะระดับ 13.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางโรงกลั่นน้ำมันที่ปรับลดกำลังการผลิต ขณะสต็อกแก๊สโซลีนปรับตัวลดลง