• สรุประชุมเฟด
เฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50-0.75% ในการประชุมวาระแรกนับตั้งแต่ที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ โดยเฟดยังมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ จึงบ่งชี้ว่า เฟดน่าจะทำการคุมเข้มทางการเงินได้ในปีนี้
ทั้งนี้ เฟด ระบุว่า ภาคแรงงานยังคงแข็งแกร่ง โดยอัตราการว่างงานที่ระดับ 4.7% ในปัจจุบัน ถือเป็นระดับใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจก็เพิ่มขึ้น แต่เฟดก็ยังไม่ได้ให้สัญญาณยืนยันใดๆเกี่ยวกับช่วงเวลาที่จะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เฟดยังคงรอความชัดเจนของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้จากนโยบายเศรษฐกิจของนายทรัมป์
• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ตลาดการเงินต่างๆดูจะตอบรับกับการตัดสินใจของเฟดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะเดียวกันข้อมูล Fed Funds Futures ของ CME Group แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนส่วนใหญ่คิดว่า เดือนมิถุนายนนี้มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดีขึ้นเกินคาด ท่ามกลางตลาดที่ผิดหวังต่อถ้อยแถลงของเฟดที่ลดท่าทีแข็งกร้าวในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นได้เพียง 0.3% หลังทราบแถลงการณ์ประชุมของเฟด และภาพรวมช่วงท้ายตลาดปรับขึ้นเพียง 0.2% ที่ระดับ 99.669 สำหรับเช้านี้ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงมาอีกครั้งบริเวณ 99.599 จุด
ขณะที่ค่าเงินยูโรเช้านี้ปรับแข็งค่าขึ้นบริเวณ 1.07846 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนเช้านี้ปรับแข็งค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 113.045 เยน/ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดวานนี้บริเวณ 113.95 เยน/ดอลลาร์
• ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ ส่วนใหญ่ออกมาดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ นำโดยการประกาศข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของ ADP ประจำเดือนมกราคมออกมาที่ระดับ 246,000 ตำแหน่ง โดยปรับเพิ่มขึ้น 95,000 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จึงยิ่งย้ำถึงสัญญาณฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง
• สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตออกมาดีขึ้นเกินคาดเช่นกันที่ระดับ 56.0 ในเดือนมกราคม จากระดับ 54.7 ในเดือนก่อนหน้า
รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า กิจกรรมภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี ท่ามกลางความีเสถียรภาพมากขึ้นในด้านคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ และราคาโลหะวัตถุดิบ จึงบ่งชี้ว่าสัญญาณการฟื้นตัวในภาคการผลิต ท่ามกลางอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด +1.07 เหรียญ ที่ระดับ 53.88 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับตัวขึ้น 1.22 เหรียญ ที่ระดับ 56.80 เหรียญ/บาร์เรล ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้กว่า 1% แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะเปิดเผย ข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา
• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ขณะที่เหล่าเทรดเดอร์รอดูว่าการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มสมาชิกโอเปกจะชดเชยกับการเพิ่มขึ้นของอุปทานน้ำมันสหรัฐฯได้หรือไม่