• ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ พบว่า ดัชนีราคาการอุปโภคบริโภคเดือนธันวาคมขยายตัวได้ตามคาดทีระดับ 0.1% ขณะที่การใช้จ่ายรายบุคคลออกมาดีขึ้นกว่าที่คาดแตะระดับ 0.5% จากระดับ 0.4% และข้อมูลยอดขายบ้านที่รอปิดการขายออกมาดีขึ้นตามคาดที่ระดับ 1.6% จากระดับ -2.5%
รายงานจากรอยเตอร์ ระบุว่า การใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้รับอานิสงค์จากการเข้าซื้อกลุ่มสินค้ายานยนต์ของภาคครัวเรือน ขณะที่สภาพอากาศที่หนาวเหน็บช่วยหนุนปริมาณความต้องการสินค้าสาธารณูปโภค ท่ามกลางอัตราค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงเป็นปัจจัยบ่งชี้ว่าปริมาณความต้องการภายในประเทศมีเสถียรภาพ และอาจหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงต้นปี 2017 นี้
• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินเยนที่ได้รับอานิสงค์จากการถือครองสินทรัพย์ Safe-Haven ของกลุ่มนักลงทุน จากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีท่าทีแข็งกร้าวต่อการดำเนินนโยบายกลุ่มผู้อพยพ จึงส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง โดยเช้านี้ดัชนีดอลลาร์ปรับลงมาบริเวณ 100.40 จุด
ทั้งนี้ ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลง 0.1% ที่ระดับ 113.67 เยน/ดอลลาร์ในเช้านี้ หลังจากที่ปรับแข็งค่าลงกว่า 1% เมื่อคืนนี้
ค่าเงินยูโรยังคงทรงตัวที่ระดับ 1.0707 ดอลลาร์/ยูโร โดยยังปรับแข็งค่าขึ้นหลังจากที่ลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบ 11 วันบริเวณ 1.0620 ดอลลาร์/ยูโร เพราะได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมนีที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง จึงเป็นสัญญาณบ่งชี้ทีว่าใกล้ระดับมีเสถียรภาพของเป้าหมายเงินเฟ้อภายใต้ 2% ที่อีซีบีกำหนด
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวลดลง 54 เซนต์ หรือคิดเป็น -1% ที่ระดับ 52.63 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brentปิดปรับตัวลง 32 เซนต์ ที่ระดับ 55.20 เหรียญ/บาร์เรล โดยตลาดน้ำมันปรับตัวลดลงจากข่าวที่ว่ากิจกรรมการขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้ปริมาณผลผลิตน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกอื่นๆที่พยายามทำการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อผลักดันให้ราคาปรับตัวขึ้นตามข้อตกลง