MTS Help Center

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงในเช้าวันนี้ หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลงตามข้อมูลจีดีพีที่ออกมาแย่กว่าที่คาด โดยดัชนีดอลลาร์เช้านี้อยู่ที่ระดับ 100.35 จุด จากระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์บริเวณ 100.82

ด้านค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้น 114.66 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ขึ้นไปทำอ่อนค่ามากที่สุดบริเวณ 115.38 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา

ด้านค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย 0.2% ที่ระดับ 1.0715 ดอลลาร์/ยูโรในเช้านี้

• การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัวในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา โดยประมาณการณ์จีดีพีขั้นต้นของไตรมาสที่ 4/16 ขยายตัวได้เพียง 1.9% เมื่อเทียบกับระดับ 3.5% ในไตรมาสที่ 3/16 โดยข้อมูลจีดีพีล่าสุดได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของการขนส่งถั่วเหลืองที่ถือเป็นปัจจัยกดดันต่อภาคการส่งออก ขณะที่การทรงตัวของภาคใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนในภาคธุรกิจปรับตัวสูงขึ้น จึงเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของอุปสงค์ภายในประเทศ

ภาพรวมการขยายตัวรายปีอยู่ที่ระดับ 1.6% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นระดับอ่อนตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 จากการทรุดตัวของราคาน้ำมันดิบ การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ และความพยายามของภาคธุรกิจในการลดรายจ่ายส่วนเกิน

อย่างไรก็ดี นายทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เคยลั่นวาจาในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งสุดท้ายว่าจะผลักดันจีดีพีสหรัฐฯให้แตะระดับ 4% จากแผนการปรับลดภาษี การผ่อนคลายข้อกำหนด และค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐาน

• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯคนใหม่จะเป็นจุดสนใจในสัปดาห์นี้ จากการดำเนินนโยบายและการปรับเปลี่ยนต่างๆของเขา ประกอบไปด้วยแผนการสร้างกำแพงพรมแดนเม็กซิโก, การปรับลดภาษี และการระงับนโยบาย Obamacare จึงอาจทำให้การประชุมของเฟดและบีโออีอาจเข้าสู่โหมด Wait&See

นอกจากนี้ แผนการเพิ่มการจัดเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกอีก 20% เพื่อนนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างกำแพงพรมแดนดังกล่าว นอกจากจะทำให้ค่าเงินเปโซของเม็กซิโกปรับอ่อนค่าลงแล้ว ยังอาจส่งผลให้เกิดวิกฤติความตึงเครียดระหว่างสองประเทศได้

• ประชาชนเรือนหมื่นจากรัฐนิวยอร์ก, วอชิงตัน และบอสตัน พร้อมใจเดินทางมายังสนามบินเพื่อประท้วงต่อผู้นำสหรัฐฯ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งควบคุมคนเข้าเมือง โดยเฉพาะ 7 ประเทศมุสลิมหลัก

• มีรายงานจากทำเนียบขาว ระบุว่า การพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เป็นไปด้วยดีในการเริ่มต้นฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยผู้นำทั้งสองต่างแสดงความคาดหวังว่าจะสามารถจัดการความตึงเครียดที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งความกังวลหลักอื่นๆร่วมกัน

• ขณะที่การพบกันระหว่างนายทรัมป์ และนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ พบว่า นางเมย์แสดงความไม่เห็นด้วยต่อนโยบายการควบคุมกลุ่มผู้อพยพของนายทรัมป์ และเรากำลังพิจารณาว่าคำสั่งใหม่ของนายทรัมป์อาจส่งผลต่อข้อกฎหมาย โดยเฉพาะผลที่ตามมาต่อพลเมืองอังกฤษ

• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ตุรกีและอังกฤษมีแผนจะเซ็นสัญญาข้อตกลงการค้าเสรีร่วมกันหลังจากที่อังกฤษออกจากอียู

• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด -1.1% ที่ระดับ 53.17 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -1.3% ที่ระดับ 55.49 เหรียญ/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบยังคงปิดปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้น จึงลดน้ำหนักความสนใจของกลุ่มนักลงทุนเกี่ยวกับความพยายามของกลุ่มสมาชิกโอเปก และกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆในการช่วยหนุนการฟื้นตัวของราคาด้วยการปรับลดกำลังการผลิต

• บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา รปิมาณการแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นอีก 15 แท่น โดยถือเป็นการปรับตัวขึ้น 12 สัปดาห์ต่อเนื่องในรอบ 13 สัปดาห์ ส่งผลให้มีจำนวนแท่นขุดเจาะทั้งสิ้นอยู่ที่ระดับ 566 แท่น ซึ่งถือเป็นระดับที่มากที่สุดนับตั้งแต่พฤศจิกายน ปี 2015

• แหล่งข่าวจากรอยเตอร์ส ระบุว่า บีโอเจน่าจะยังคงนโยบายการเงินต่อไปในการประชุมวันพรุ่งนี้ เพื่อบรรเทากระแสคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการชะลอนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจในเร็วๆวัน ท่ามกลางความผันผวนของตลาดพันธบัตรที่ถือเป็นบททดสอบกรอบการดำเนินนโยบายเพื่อควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน