• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 23 มกราคม 2560

    23 มกราคม 2560 | Economic News



 

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ลดการถือครองจากท่าทีของทรัมป์ และการปราศจากการกล่าวถึงการปฎิรูปนโยบายที่เป็นรูปธรรมในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของเขา ซึ่งนักลงทุนคาดหวังว่าจะได้ยินเดกี่ยวกันแผนการปรับลดค่าใช้จ่าย การลดภาษี และแนวทางการปฏิรูปต่างๆ แต่นายทรัมป์กลับกล่าวย้ำถึงเรื่องนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" โดยมีรายละเอียดโดยเฉพาะเจาะจงเพียงสั้นๆเท่านั้น

ดัชนีดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยเช้านี้ปรับตัวลงมาบริเวณ 100.63 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลงมาบริเวณ 113.86 เยน/ดอลลาร์

• กรรมการผู้จัดการจาก BK Asset Management กล่าวว่า ถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐฯยังให้ความสนใจไปยังแนวทางการกีดกันการค้า และตลาดปฏิเสธต่อแนวความคิดดังกล่าวของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ เพราะอาจส่งผลให้เกิดสงครามการค้า และไม่ส่งผลดีต่อค่าเงินดอลลาร์

• แม้ค่าเงินหยวนจะอยู่ในทิศทางอ่อนค่า แต่ในวันศุกร์ก็มีการปรับแข็งค่าลง หลังจากที่ทางธนาคารกลางจีนเตรียมนโยบายหนุนสภาพคล่องเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ "Cash Crunch" ก่อนเทศกาลตุรษจีน

ซึ่งตลาดเชื่อว่า ทางการจีนจะทำการสนับบสนุนโดยการลดเงินสำรองชั่วคราวจากค่า Ratio เป้าหมายของภาคธนาคารต่างๆ เพื่อให้เกิดสภาพคล่องเพิ่มขึ้นประมาณ 6 แสนล้านหยวน หรือ 8.73 หมื่นล้านเหรียญ

• หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ และประกาศจุดยืน "สหรัฐฯต้องมาก่อน" หรือ "America First" ก็ดูเหมือนว่าสื่อเอเชียจะวิพากษ์วิจารณ์ต่อนโยบายการแยกตัวของเขา โดยมีความวิตกกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และอาจสร้างความขัดแย้งกับนานาประเทศอีกด้วย

โดยในช่วงการกล่าวคำปฏิญาณตนรับตำแหน่ง นายทรัมป์ ระบุว่า แรงงานสหรัฐฯได้รับผลกระทบจากแรงงานต่างชาติ ซึ่งถือเป็นประเด็นหลักตามที่เขาได้ให้สัญญาไว้ในช่วงเลือกตั้งว่าต้องการให้สหรัฐฯกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

• สื่อในญี่ปุ่น กล่าวตำหนิ นโยบายที่หลากหลายของนายทรัมป์ว่าเป็นการเริ่มต้นด้วยการสร้างความกังวลให้เกิดขึ้นไปทั่ว และไม่สามารถคาดการณ์ได้ ว่าจะส่งผลกระทบต่อทั่วโลกเช่นไร? และดูเหมือนว่านายทรัมป์มีท่าทีเพียงเล็กน้อยในการผูกมิตรหากว่าไม่ส่ร้างผลประโยชน์ใดๆให้แก่สหรัฐฯ

นอกจากนี้ยังไม่รู้ว่า นายทรัมป์จะจัดการเรื่องพรมแดนของประเทศเช่นไรในการจัดสรรกองกำลังหรือสร้างความขัดแย้ง? ซึ่งผู้นำสหรัฐฯต้องตระหนักให้ดีว่าต้องรับผิดชอบอย่างหนักต่อคำพูดและการกระทำของเขาเอง

• ขณะที่สื่อจีน คาดหวังว่า นายทรัมป์จะเข้าใจถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างจีน โดยสิ่งที่สำคัญขณะนี้ คือการควบคุมและจัดการกับความขัดแย้งและหาวิธีแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับพวกเขา เนื่องจากการส่งออกของจีนและสหรัฐฯ อาจได้รับปัญหาจากนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ หรือสงครามการค้าได้

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคณะบริหารชุดใหม่ กล่าวในวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า กลยุทธ์การค้าของพวกเขามีขึ้นเพื่อปกป้องภาคแรงงาน ซึ่งอาจจะเริ่มถอนตัวจากข้อตกลง TPP (Trans-Pacific Partnership) หรือ ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก และดูเหมือนนายทรัมป์ตั้งใจที่จะหาข้อตกลงใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นให้ยังแรงงานชาวอเมริกามากกว่า

นอกจากนี้ จะมีการเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่สำหรับข้อตกลง NAFTA (North American Free Trade Agreement) ที่มีการเซ็นข้อตกลงในปี 1994 โดยสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก ท่ามกลางหรัฐฯที่เผชิญกับภาวะขาดดุลการค้าจำนวนมาก รวมถึงผลกระทบต่อภาคการผลิตพื้นฐาน ซึ่งนายทรัมป์ต้องการข้อตกลงที่เข้มงวดและยุติธรรม เพื่อให้การค้าได้ช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และให้ชาวสหรัฐฯกลับมามีงานทำเพิ่มขึ้นกว่าล้านตำแหน่ง ซึ่งหากหุ้นส่วนของข้อตกลง NAFTA ปฏิเสธการให้แรงงานชาวอเมริกาได้รับข้อตกลงที่ยุติธรรมก็อาจมีการเจรจาข้อตกลงใหม่ แต่ดูเหมือนว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง นายทรัมป์ดูเหมือนจะถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าวมากกว่า

อย่างไรก็ดี ข้อตกลง TPP ดูเหมือนจะเอื้อให้เศรษฐกิจจีนมีความแข็งแกร่งหนุนเศรษฐกิจในภูมิภาค และส่งผลต่อค่าใช้จ่ายของสหรัฐฯ และนายทรัมป์ก็ต้องการการปฏิรูปค่าธรรมเนียมการค้าของจีน พร้อมทั้งอาจขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าของจีน ซึ่งทางการจีนก็มีความคาดหวังว่าจะร่วมแก้ปัญหาางการค้าได้โดยการเจรจา พร้อมกล่าวเตือนว่าภาคธุรกิจของสหรัฐฯอาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าของนายทรัมป์ได้

• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า วันเสาร์ที่ผ่านมาสตรีชาวอเมริกันนับแสนมีการเดินขบวนต่อต้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศคนใหม่ จากคำพูดและพฤติกรรมที่เหยียมสตรีเพศนับตั้งแต่การหาเสียงของเขา รวมไปถึงความไม่พอใจอย่างหนักต่อถ้อยแถลงและแนวทางการดำเนินนโยบายของเขา อาทิ เรื่องการอพยพชาวเม็กซิโก มุสลิม กลุ่มผู้พิการและกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

• กระทรวงยุติธรรมเผย นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีคำสั่งแต่งตั้ง นายจาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยของเขาดำรงตำแน่งที่ปรึกษาอาวุโสของทำเนียบขาวโดยปราศจากการกฎหมายการต่อต้านการเล่นพรรเล่นพวก

• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด +2% ที่ระดับ 52.42 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำม้ันดิบ Brent ปิด +2.5% ที่ระดับ 55.50เหรียญ/บาร์เรล

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า การประชุมของกลุ่มโอเปกในช่วงปลายสัปดาห์ ณ กรุงเวียนนา อาจแสดงให้เห็นถึงท่าทีการปฏิบัติตามข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตได้ โดยซาอุดิอาระเบียมีการปรับลดกำลังการผลิตแล้ว1.5 ล้านบาร์เรล/วัน จึงอาจเป็นสัญญาณที่ตลาดน้ำมันกำลังมีความสมดุลมากขึ้น ขณะที่กลุ่มนอกประเทศโอเปกอย่างรัสเซียอาจปรับลดกำลังการผลิตลง 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com