MTS Help Center

 

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่แถวระดับ 101.57 จุด จากระดับ 101.18 จุด ขณะที่ค่าเงินปอนด์ทรงตัวแถวระดับ 1.2050 ดอลลาร์/ปอนด์

ด้านค่าเงินเยนแข็งค่าลงมาที่ระดับ 113.91 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ขึ้นไปยืนเหนือระดับ 116 เยน/ดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากปริมาณความต้องการสินทรัพย์ Safe-Haven

• รายงานจาก CNBC ระบุว่า ถ้อยแถลงของ นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะกล่าวเกี่ยวกับแผนที่อังกฤษจะออกจากอียู ซึ่งเมื่อวานนี้ค่าเงินปอนด์ก็ปรับอ่อนค่าลงมาทำระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากสื่อท้องถิ่นที่รายงานว่า นางเมย์น่าจะประกาศอย่างชัดเจนและส่งผลให้เกิดภาวะ “Hard Brexit” ซึ่งจะส่งผลให้อังกฤษออกจากตลาดยุโรปรวมถึงการเป็นสหภาพศุลกากรของอียู และการแลกเปลี่ยนค่าเงินใดๆจะถูกควบคุมโดยกฎหมายการอพยพหรือย้ายถิ่นฐานตามกฎหมายของศาลแห่งสภายุโรป

• นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก the National Australia Bank ประเมินว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษน่าจะเตรียมข้อมูลที่เพียงพอในการระบุถึงความตั้งใจดำเนินการของรัฐบาล โดยปราศจากรายละเอียดที่จำเป็นที่จะแสดงให้เห็นถึงข้อมูลการเจรจาระหว่างอังกฤษกับอียู

• ด้านรายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ถ้อยแถลงของ นางเมย์ เกี่ยวกับแผนการออกจากอียูอาจส่งผลให้อังกฤษสูญเสียการค้าในตลาด Single Market

• รายงานจากไอเอ็มเอฟ ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯน่าจะขยายตัวได้รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ในปี 2017 และปี 2018 จากจากการมาของคณะบริหารชุดใหม่ของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ สำหรับนโยบายภาษีและค่าใช้จ่าย โดยระบุว่า การมาของนายทรัมป์ จะหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้ 2.3% ในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 0.1% จากคาดการณ์ก่อนหน้า และจะสามารถขยายตัวได้ 2.5%ในปี 2018 หรือเพิ่มขึ้น 0.4% จากคาดการณ์ก่อนหน้า

อย่างไรก็ดี ไอเอ็มเอฟยังคงคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางการอ่อนตัวบางส่วนของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้ 3.4% และปีหน้าขยายตัวได้ 3.6% เมื่อเทียบกับระดับ 3.1% ในปี 2016 ซึ่งถือเป็นปีที่ขยายตัวได้น้อยที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2007 - 2009

• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า เลขาธิการกลุ่มโอเปก คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบจะกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้นในปีนี้ ขณะที่เวเนซุเอล่า คาดหวังว่า ราคาน้ำมันดิบจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ถึงระดับ 70 เหรียญในอีกไม่กี่เดือนนี้