• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 16 มกราคม 2560

    16 มกราคม 2560 | Economic News




 

• ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในวันศุกร์ที่ผ่านมา พบว่า ข้อมูลยอดค้าปลีกประจำเดือนธันวาคมออกมาดีขึ้นกว่าที่คาดเล็กน้อยแตะระดับ 0.6% ขณะที่ในเดือนก่อนหน้าปรับทบทวนขึ้นมาที่ระดับ 0.2% โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของกลุ่มสินค้ายานยนต์และเฟอร์นิเจอร์ จึงเป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีมีทิศทางที่แข็งแกร่งและอาจส่งผลต่อการขยายตัวในปีนี้

• สำหรับข้อมูลยอดค้าปลีกที่ไม่รวมกลุ่มยานยนต์ ออกมาแย่ลงกว่าที่คาดแตะระดับ 0.2% ขณะที่ข้อมูลเก่ามีการปรับทบทวนขึ้นมาเล็กน้อย 0.3% ในเดือนก่อนหน้า โดยข้อมูลล่าสุดถึงจะออกมาแย่ลงจากเดิมแต่แนวโน้มการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภคยังคงมีทิศทางที่แข็งแกร่ง

• ข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนธันวาคมออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะระดับ 0.3% โดยดัชนีปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือน เพราะได้รับแรงหนุนจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงอาจผลักดันให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นได้ ขณะที่ข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิตที่ไม่รวมภาคอาหารและพลังงาน (Core PPI) ปรับตัวลดลงเกินคาดเล็กน้อยที่ระดับ 0.2%

• ข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นประจำเดือนมกราคมออกมาแย่กว่าที่คาดแตะระดับ 98.1 จุด

• ค่าเงินปอนด์ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนในช่วงการซื้อขายตลาดเอเชียเช้านี้ หลังมีรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษเตรียมสร้างความยุ่งยากมากขึ้นในการออกจากอียู จึงส่งผลให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยค่าเงินปอนด์แข็งค่าลงมา 1.1% แตะระดับ 1.1983 ปอนด์/ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า อังกฤษอาจหลุดออกจากการเป็น Single Market ของอียู ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและเม็ดเงินลงทุนต่างชาติของอังกฤษ ขณะที่ นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะเผยเงื่อนไข 50 ข้อ ในการเริ่มต้นออกจากอียูในช่วงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ และคาดว่าเธอจะเปิดเผยรายละเอียดบางส่วนของข้อตกลง จึงอาจส่งผลต่อกลุ่มนักลงทุน ภาคธุรกิจ และกลุ่มผู้วางนโยบายนั้น

• ทั้งนี้ นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะมีการกล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับ Brexit ในวันอังคารก่อนที่จะเข้าพบกับกลุ่มผู้เจรจาจากต่างประเทศ ทั้งนี้ นางเมย์ มีแนวโน้มจะไม่ยอมรับการเจรจาใดๆจากการที่อังกฤษเลือกออกจากอียูที่จะมีผลในช่วงสิ้นเดือนมีนาคมนี้

• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า นายไมเคิล บาร์นิเย่ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอียูผู้ทำหน้าที่เจรจากรณี Brexit กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า อียูมีความต้องการที่จะให้เกิดข้อตกลงฉบับพิเศษก่อนที่กลุ่มบริษัทการเงินของอังกฤษจะถูกจำกัดการดำเนินการ และความเสี่ยงขนาดใหญ่ของอังกฤษอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเงินของอียู

• ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยดันีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นประมาณ 0.2% ที่ระดับ 101.39 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงประมาณ 0.1% ที่ระดับ 1.0629 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินเยนกลับมาอ่อนค่าขึ้นแตะระดับ 114.3 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 113.75 เยน/ดอลลาร์

• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวลง 64 เซนต์ ที่ระดับ 52.97 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 56 เซนต์ ทีระดับ 55.45 เหรียญ/บาร์เรล โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตของสมาชิกกลุ่มโอเปก แม้ว่าจะมีข้อตกลงเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ก็ยังยากในการหาหลักฐานพิสูจน์การปรับลดกำลังการผลิตของสมาชิกหลายๆประเทศที่ได้ให้คำมั่นไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ

• ด้านกระทรวงพลังงานสากล (IEA) เผยว่า ราคาน้ำมันดิบโลกอาจมีความผันผวนมากขึ้นในปี 2017 แม้ว่าตลาดอาจจะกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2017 หากข้อตกลงการปรับลดการผลิตเป็นไปตามที่เหล่าสมาชิกได้ให้คำมั่น ซึ่ง IEA คาดว่า ในช่วงครึ่งปีแรกน่าจะมีการปรับลดกำลังการผลิตได้ประมาณ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน -–32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และอาจมีปริมาณการปรับลดเพิ่มขึ้น 558,000 บาร์เรล/วันจากประเทศรัสเซีย, โอมาน และเม็กซิโก



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com