• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 13 มกราคม 2560

    13 มกราคม 2560 | Economic News



 

• สำหรับการกล่าวถ้อยแถลงของ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดในเช้าวันนี้ ได้กล่าวเชิงสนับสนุนการศึกษาทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้นักศึกษาสามารถจัดการระบบการเงินของตนเองได้ และเพื่อให้พวกเขามีทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ที่จำเป็นเพื่อช่วยในการตัดสินใจด้านการเงินให้ประสบความสำเร็จในภายภาคหน้า

อย่างไรก็ดี ประธานเฟดไม่ได้กล่าวถึงเงื่อนไขทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน หรือแม้แต่กล่าวถึงเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

• สำนักข่าว Forex live ระบุว่า ในช่วง Q&A ประธานเฟดยังคงจับตาไปยังเรื่องการปรับตัวลงของอัตราการว่างงานและความมีเสถียรภาพของเงินเฟ้อ เพื่อให้แน่ใจว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ ประธานเฟดไม่มีมุมมองความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่กลับวิตกกังวลต่อแนวโน้มระยะยาวเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันทางด้านรายได้ และความอ่อนแอของการเพิ่มผลผลิตในตลาดแรงงาน

• ขณะที่เมื่อคืนนี้ นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า ความเข้มงวดของนโยบายการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจเป็นสาเหตุให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเผชิญภาวะความเสี่ยงขาลง เพราะการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าดังกล่าวจะส่งผลกับอัตราภาษีใหม่สำหรับกลุ่มผู้บริโภคและบริษัทต่างๆ จะส่งผลให้ห่วงโซ่ของภาวะอุปทานชะงักลง รวมทั้งส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการปรับตัวสูงขึ้น

• ด้าน นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก ประเมินว่า เฟดจะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้จำนวน 3 ครั้ง

• ขณะที่นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดเฟีย แสดงความคิดเห็นว่า เมื่ออัตราดอกเบี้ยของเฟดเพิ่มขึ้นแตะระดับ 100 basis point นักลงทุนต้องคำนึงถึงการหยุดการนำเงินมาลงทุนใหม่ ในพอร์ทการลงทุนที่เฟดถือครอง

• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดยังคงมีท่าทีระมัดระวังต่อนโยบายการเงินและภาษีของนายทรัมป์ ที่อาจช่วยหนุนสภาพเศรษฐกิจได้ในระยะสั้นแต่อาจส่งผลต่อเงินเฟ้อในระยะยาวรวมทั้งปัญหาหนี้สิน

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ซึ่งถือเป็นระดับการอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จากการสูญเสียความเชื่อมั่นเกี่ยวกับนโยบายการเพิ่มอัตราการหมุนเวียนเงินในประเทศจากถ้อยแถลงนโยบายของทรัมป์ โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลงประมาณ 0.4% ที่ระดับ 101.37 จุด ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 8 ธันวาคม ขณะที่เช้านี้กลับขึ้นมาบริเวณ 101.47 จุด

ด้านค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลงอีก 1.4% ที่ระดับ 113.76 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 5 สัปดาห์ ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์เช่นกันบริเวณ 1.0684 เยน/ดอลลาร์

• ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯวานนี้ พบว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงเกินคาดแตะระดับ 247,000 ราย แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงจากเดือนก่อนหน้าประมาณ 10,000 ราย ซึ่งข้อมูลล่าสุดยังบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน เนื่องจากยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 ราย มาอย่างยาวนานต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 97

• ผลการประกาศดัชนีราคานำเข้าสหรัฐฯออกมาแย่กว่าที่คาดแต่ดีขึ้นจากเดิมที่ระดับ 0.4% ในเดือนธันวาคม เพราะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นเหนือ 50 เหรียญ/บาร์เรล

• น้ำมันดิบ WTI ปิด +1.5% ที่ระดับ 53.01 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด +1.7% ที่ระดับ 56.01 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่น้ำมันดิบ Brent ขึ้นไปทำจุดสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 56.43 เหรียญ/บาร์เรล โดยตลาดน้ำมันได้รับแรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า กลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ อันได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย และรัสเซีย มีการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อลดภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด ประกอบกับคาดการณ์ที่ว่าภาวะอุปสงค์น้ำมันจีนปรับตัวขึ้น

• นักวิเคราะห์จาก BMI Research ประเมินว่า ภาพรวมน่าจะมีการปรับลดกำลังการผลิตลงได้ 73%

• รายงานจาก CNPC ระบุว่า ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในปี 2017 จะปรับตัวขึ้น 5.3% ที่ระดับ 396 ล้านตัน จากปริมาณการบริโภคน้ำมันดิบในปีที่ผ่านมาที่ปรับตัวขึ้นทำสถิติใหม่ที่ระดับ 594 ล้านตัน หรือคิดเป็น 12 ล้านบาร์เรล/วัน



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com