ถ้อยแถลงสมาชิกเฟด
ถ้อยแถลงสมาชิกเฟดเมื่อวานนี้มีความเห็นที่แตกต่างกันทั้งดีและไม่ดี โดยสมาชิกเฟดที่มีมุมมองที่ดีต่อเศรษฐกิจได้แก่ 1.ประธานเฟด, 2.ประธานเฟดสาขาแคนซัส และ 3.ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ขณะที่สมาชิกเฟดที่มีมุมมองให้ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยได้แก่ 1.ประธานเฟดสาขาชิคาโก และ 2.ประธานเฟดสาขามินนิแอโพลิส
นางเจเนต เยลเลน ประธานเฟด ระบุต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า เฟดไม่มีตารางเวลาที่แน่นอนในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดีสมาชิกเฟดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ในปีนี้หากไม่มีความเสี่ยงใหม่ๆที่สามารถส่งผลกระทบได้อย่างมีนัยสำคัญเกิดขึ้น ขณะที่กล่าวถึงตลาดแรงงานว่าหากการจ้างงานยังคงปรับตัวสูงขึ้นในระดับปัจจุบันอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป หรือ Overheat ได้ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะส่งผลให้เฟดจะต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่สมาชิกเฟดคาดการณ์
นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัส (มีสิทธิออกเสียง) ระบุว่า เธอต้องการที่จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างช้าๆแต่แน่นอน นอกจากนี้ยังคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะยังเติบโตต่อไปได้ และเฟดจะดำเนินการถกเถียงเกี่ยวกับช่วงเวลาการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง
นางโลเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ (มีสิทธิออกเสียง) ระบุว่า หากเฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมนานเกินไป จะเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่เศรษฐกิจในปัจจุบันกำลังเดินหน้าไปสู่เป้าหมายของเฟดอัตราเงินเฟ้อ 2%
นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก (ไม่มีสิทธิออกเสียง) ระบุเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯอาจจะตกอยู่ในสภาวะอัตราเงินเฟ้อต่ำไปอีกซักระยะ ซึ่งจะส่งผลให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้น้อยลง โดยดุลยภาพใหม่อาจจะทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยได้น้อยลง 1 ครั้งจากที่เคยประเมินเอาไว้
นายนีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส (ไม่มีสิทธิออกเสียง) ระบุเมื่อวานนี้ว่า เฟดสามารถคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำไปอีกซักระยะ ซึ่งจะทำให้ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ความเห็นนักลงทุน
ในสัปดาห์นี้มีถ้อยแถลงของสมาชิกเฟดไปแล้วจำนวน 10 ราย โดยนักลงทุนกำลังประเมินว่าเฟดจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. นี้ ได้หรือไม่ โดยความคิดเห็นของเหล่าสมาชิกเฟดนั้นมีความแตกต่างกันว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯนั้นแข็งแกร่งเพียงพอที่จะให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
นักลงทุนในตลาดคาดว่าเฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. นี้ 52%
น้ำมันดิบ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.38 ดอลลาร์ หรือ 5.3% ปิดที่ 47.05 เหรียญ/บาร์เรล เมื่อคืนนี้ หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) มีมติปรับลดการผลิตน้ำมัน โดยที่ประชุมมีมติปรับลดการผลิตน้ำมันลงสู่ระดับ 32.5 - 33 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.24 ล้านบาร์เรลต่อวันนอกจากนี่ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น