• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 23 กันยายน 2559

    23 กันยายน 2559 | Economic News

ความเห็นของนักวิเคราะห์ต่างๆหลังประชุมเฟด

สำนักข่าว Bloomberg ได้รวบรวมความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ใน Wall Street ต่อการประชุมเฟดครั้งล่าสุดที่ผ่านมา พบว่านักวิเคราะห์มีความเห็นที่หลากหลายการประชุมเฟด ดังนี้



เฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้ในเดือน ธ.ค.

นักวิเคราะห์จาก Bank of America Merrill Lynch ระบุว่า เฟดนั้นส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ทั้งจากถ้อยแถลงและการคาดการณ์ของสมาชิกเฟด อย่างไรก็ดี การประชุมที่ผ่านมานั้นมีสิ่งสำคัญสองสิ่งที่เปลี่ยนไป หนึ่งคือเฟดระบุว่าความเสี่ยงต่อมุมมองทางเศรษฐกิจในระยะสั้นนั้นอยู่ในระดับสมดุล และสองคือเฟดระบุว่ามีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น จากคำกล่าวทั้งสองนั้นบ่งชี้ว่าเฟดต้องการขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ แม้จะไม่ได้ระบุถึงช่วงเวลาก็ตาม

นักวิเคราะห์จาก Nordea Markets ระบุว่า จากสรุปการประชุมและการคาดการณ์ดอกเบี้ยของเฟดที่บ่งชี้ถึงการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ จึงเราจึงเชื่อมากยิ่งขึ้นว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. นี้ และคาดว่าเฟดจะไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน พ.ย. เนื่องจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ



เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. หรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ

นักวิเคราะห์จาก Scotiabank คาดการณ์ว่าเฟดขึ้นดอกเบี้ยพร้อมๆกับแสดงท่าทีระมัดระวังในเดือน ธ.ค. นี้ เช่นเดียวกับการขึ้นดอกเบี้ยในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าในช่วงเวลาต่อจากนี้ไปข้อมูลเศรษฐกิจที่เข้ามากระทบจะเป็นอย่างไร และตลาดจะเคลื่อนตัวไปในทิศทางไหน ส่วนการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. นี้ แม้ประธานเฟดจะระบุว่าการตัดสินใจของเฟดนั้นไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ทั้งนี้นโยบายของผู้สมัครนั้นแตกต่างเกินไป ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ

นักวิเคราะห์จาก CIBC World Markets ระบุว่า สรุปการประชุมของเฟดบ่งชี้ถึงการขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ดีเฟดกลับลดคาดการณ์เศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยลง ดังนั้นขึ้นข้อมูลเศรษฐกิจก่อนถึงการประชุมครั้งถัดไปว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้หรือไม่ ขณะที่โดยส่วนตัวแล้วคาดว่าเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้ในเดือน ธ.ค.



เฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้

นักวิเคราะห์จาก Credit Suisse ระบุว่า การประชุมครั้งที่ผ่านมาช่วยยืนยันถึงเฟดที่ลังเลในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและมีความระมัดระวังมากขึ้นเล็กน้อย โดยยังคงคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้ครั้งแรกในเดือน พ.ค. 2017



ไม่ทราบว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเมื่อใด

นักวิเคราะห์จาก JPMorgan Chase & Co ระบุว่า เฟดที่ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเนื่องจากต้องการหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเติบโตไปสู่เป้าหมายอีกซักระยะ คำว่า “อีกซักระยะ” นั้นค่อนข้างกำกวมว่ามันคือเมื่อไรกันแน่



เฟดกำลังเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก

นักวิเคราะห์จาก Barclays ระบุว่า เหล่าสมาชิกเฟดมี 3 คนที่ต้องการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งที่ผ่านมา และมี 3 คนเช่นกันที่ไม่ต้องการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้เลย ซึ่งถือว่าเป็นการประชุมที่สมาชิกเฟดมีมุมมองแตกต่างกันมากที่สุดเท่าที่ผมเคยพบ ซึ่งจะส่งผลให้การสื่อสารและการดำเนินการต่างๆของเฟดนั้นยากลำบากมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำให้ตลาดเชื่อว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ได้จริงๆ

นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ระบุว่า เฟดนั้นต้องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ อย่างไรก็ดีการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ทำได้ไม่ง่ายดายนัก เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่เข้ามายังคงบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 จะชะลอตัว ซึ่งขัดแย้งกับมุมมองของเฟดในปัจจุบัน

นักวิเคราะห์จาก Citigroup ระบุว่า เฟดนั้นต้องชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปก่อนเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งขึ้นค่อนข้างช้า ซึ่งลดความจำเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยลงไป ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยของเฟดยังอยู่ในระดับต่ำเฟดยิ่งต้องใช้ความรอบคอบมากขึ้นในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่ละครั้ง



เฟดกำลังสูญเสียความน่าเชื่อถือ

เว็บไซค์ MarketWatch ระบุว่า เฟดนั้นกำลังสูญเสียความน่าเชื่อถือ โดยมีหลายครั้งแล้วที่เฟดระบุว่าจะขึ้นดอกเบี้ย แต่เมื่อถึงเวลาแล้วกลับไม่ขึ้น อาทิ สรุปการประชุมเฟดเมื่อเดือน เม.ย. บ่งชี้ถึงการขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. แต่เมื่อถึงเวลาเฟดกลับไม่ขึ้นดอกเบี้ยเพราะข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอของเดือน พ.ค.

นักวิเคราะห์จาก RBC Capital Markets ระบุว่า เฟดจะต้องสามารถระบุในรายงานของเดือน ธ.ค. นี้เช่นเดียวกับที่ระบุในรายงานล่าสุดว่า ตลาดแรงงานแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการบริโภคเองก็เติบโตอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี จงระลึกไว้เสมอว่า เฟดในขณะนี้หลุดจากแนวทางของตนเองได้ง่ายมาก



ราคาน้ำมันดิบลดลงในวันนี้

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง เนื่องจากความระมัดระวังก่อนหน้าการประชุมของกลุ่ม OPEC ในสัปดาห์หน้าที่อัลจีเรีย เพื่อหารือถึงความเป็นได้ในการควบคุมการผลิตน้ำมันดิบและขจัดปัญหาอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด

น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 1.08% ที่ระดับ 45.82 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com