MTS Help Center

ในวันศุกร์ที่ผ่านมา นางเจเนต เยลเลน ประธานเฟด ให้ความเห็นในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป อย่างไรก็ดีต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะออกมา

โดยประธานเฟดระบุว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีความเป็นไปได้มากขึ้นในระยะหลังและเศรษฐกิจสหรัฐฯใกล้บรรลุเป้าหมายของเฟดทั้งการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ พร้อมระบุว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ดี การตัดสินใจในระยะถัดไปต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาว่าตรงตามที่เฟดคาดการณ์หรือไม่

แต่ทั้งนี้นอกจากประธานเฟดแล้ว สมาชิกเฟดรายอื่นๆรวม 4 รายเองก็มีถ้อยแถลงในคืนวันศุกร์เช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดต่างมีความเห็นในทิศทางที่หนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ส่วนนายสแตนลี่ ฟิชเชอร์ รองประธานเฟด เองก็มีถ้อยแถลงในวันศุกร์ที่ผ่านมาเช่นกัน โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นแข็งแกร่งขึ้น พร้อมๆกับข้อมูลการจ้างงานที่สดใสในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจในระยะถัดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจ้างงาน

นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะส่งสัญญาณที่แข็งแกร่งมากขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ โดยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งและคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆปรับตัวสูงขึ้น สู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ขณะที่ในครึ่งปีหลังนี้การที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะสามารถเติบโตได้ 3% นั้นมีความเป็นไปได้ ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่เฟดจะเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.

นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ระบุว่า การประชุมในเดือน ก.ย. นั้น อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยการจ้างงานของสหรัฐฯนั้นมีความแข็งแกร่งใน 2 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี การเติบโตของจีดีพีสหรัฐฯนั้นยังคงอ่อนแอ

นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นสามารถเติบโตได้ในระดับปานกลาง เฟดนั้นน่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้ในปีนี้ 1 – 2 ครั้ง ถึงแม้ว่าเฟดจะใช้นโยบายการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปและระมัดระวังก็ตาม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะมีพัฒนาการในระยะถัดไปเป็นอย่างไร

นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs คาดการณ์ว่า หากข้อมูลการจ้างงานยังคงบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานต่อไป คาดว่าเฟดมีโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. พร้อมทั้งเพิ่มคาดการณ์ความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. สู่ระดับ 40% จากระดับ 30%

ทั้งนี้ความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. เพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 42% จากระดับ 22% ในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่ความน่าจะเป็นในเดือน ธ.ค. อยู่ที่ 65%

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยตลาดน้ำมันได้รับแรงหนุนหลังจากบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เปิดใช้งานในสหรัฐมีจำนวนคงที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 0.7% ปิดที่ 47.64 ดอลลาร์/บาร์เรล