• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 5 สิงหาคม 2559

    5 สิงหาคม 2559 | Economic News



ผลการประชุมบีโออี มีมติ 9-0 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.25% จากระดับ 0.50% เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีนับตั้งแต่มีนาคมปี 2009 ควบคู่กับการขยาย QE ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่ม 6 หมื่นล้านปอนด์ (7.9 หมื่นล้านเหรียญ) รวมทั้งมีแผนจะเข้าซื้อหุ้นกู้อีก 1 หมื่นล้านปอนด์


ขณะที่ สมาชิกบีโออียังมีการคาดการณ์ว่าอาจตัดลดอัตราดอกเบี้ยลงใกล้ระดับศูนย์ในช่วงปลายปีนี้ พร้อมทั้งมีการปรับลดคาดการณ์แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษในปีหน้า


โดย นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการบีโออี ระบุว่า นโยบายการเงินดังกล่าวอาจไม่สามารถชดเชยผลกระทบจาก Brexit ที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของอังกฤษได้ทั้งหมด เนื่องจากจีดีพีมีแนวโน้มจะแตะระดับ 2.5% หรือต่ำกว่าที่ประเมินไว้ ขณะที่อัตราการว่างงานมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นแตะ 5.5% ในอีก 2 ปี จากระดับ 4.9% ในปัจจุบัน ขณะที่เงินเฟ้อมีโอกาสสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ เพราะได้รับผลกระทบจาก Brexit ที่กดดันให้เงินปอนด์ปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยคาด Consumer Price Inflation จะปรับขึ้นแตะ 2.4% ภายใน 2 ปี


นอกจากนี้ ผู้ว่าการบีโออี กล่าวว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะขยายตัวช้าลงในปี 2017 แต่ไม่ใช่การเข้าสู่ภาวะซบเซา และการประกาศนโยบายล่าสุดจะเป็นเสมือนเครื่องมือที่ช่วยรับแรงปะทะ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ


อย่างไรก็ดี การตัดสินใจของบีโออีส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลงต่ำกว่า 1.32 ปอนด์/ดอลลาร์ และหุ้น FTSE100 ร่วงกว่า 1%และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอังกฤษอายุ 10 แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์บริเวณ 0.64%


ค่าเงินปอนด์ร่วงลงจากระดับ 1.330 ปอนด์/ดอลลาร์ ลงมาบริเวณ 1.316 ปอนด์/ดอลลาร์ ตอบรับการตัดสินใจของบีโออี ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.3127 ปอนด์/ดอลลาร์


ด้านค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเมื้อเทียบกับสกุลเงินหลักบริเวณ 95.746 หลังจากลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 95.003 ในวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าเล็กน้อยมาทรงตัวแถวระดับ 1.1130 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.1134 ดอลลาร์/ยูโรวานนี้


ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ พบว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานรายสัปดาห์ออกมาสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อยแตะระดับ 269,000 ราย และปรับเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 3,000 ราย โดยข้อมูลการจ้างงานล่าสุดถึงแม้จะออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์เล็กน้อยแต่ก็ยังคงเป็นระดับที่อยู่ต่ำกว่า 300,000 รายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 74


รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการที่เพิ่มสูงขึ้นได้รับผลกระทบจากการตัดลดการจ้างงานในภาคพลังงาน และถึงแม้ภาคแรงงานจะยังส่งสัญญาณที่ดี และอาจช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ได้ แต่ข้อมูลคำสั่งซื้อภาคโรงงานยังคงหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2


โดยข้อมูลคำสั่งซื้อภาคโรงงานสหรัฐฯประจำเดือน กรกฎาคมออกมาดีขึ้นกว่าที่คาด แต่แย่ลงจากเดิม โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ -1.5% จากระดับ -1.2% ในเดือนมิถุนายน


ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก CNBC ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวยังคงปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ท่ามกลางภาวะอุปสงค์ที่อ่อนแรงในภาคการขนส่งอุปกรณ์และสินค้าทุน แต่สัญญาณของเสถียรภาพในการใช้จ่ายของภาคธุรกิจบางส่วนยังคงทำให้เกิดความคาดหวังที่ว่าอาจช่วยหนุนการชะลอตัวในภาคอุตสาหกรรมได้


น้ำมันดิบ WTI ปิด 2.7% ที่ระดับ 41.93 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด +2.8% ที่ระดับ 44.29 เหรียญ/บาร์เรล โดยน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเกือบ 3%โดยราคายังคงยืนเหนือระดับ 40 เหรียญ/บาร์เรล จากแรงการทำ Short Covering และหลังจากที่รายงานสต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลง และถือเป็น 2 วันทำการที่ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com