ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จาก Reuters ระบุว่า ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโลกนั้นลดลงจาก Brexit ในขณะที่การใช้นโยบายทางการเงินกำลังลดบทบาทลงไป และรัฐบาลประเทศต่างๆจำเป็นต้องใช้นโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
โลกกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนทั้งจาก Brexit และความกังวลอื่นๆ อาทิ การทำรัฐประหารที่ล้มเหลวของตุรกี รวมถึงสหรัฐฯที่กำลังจะมีการเลือกตั้งเร็วๆนี้ และความไม่แน่นอนดังกล่าวได้ย่างกรายเข้ามาในช่วงเวลาที่ธนาคารกลางต่างๆไม่มีเครื่องมือในการดำเนินนโยบายเพื่อจัดการปัญหาต่างๆมากนัก หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 และการล้มละลายของ Lehman Brothers
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก HSBC ระบุว่า เศรษฐกิจโลกนั้นอ่อนแอมานานกว่า 8 ปีแล้ว หลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ และสิ่งที่เศรษฐกิจโลกไม่ต้องการที่สุดในตอนนี้ก็คือสิ่งที่จะเข้ามาสร้างความไม่แน่นอน เช่น Brexit โดยคาดว่า นโยบายการคลัง จะเข้ามามีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น
ผลจากสำรวจนักเศรษฐศาสตร์กว่า 500 คน จาก Reuters ระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ลดการคาดการณ์เศรษฐกิจลง อย่างดีที่สุดคือคงการคาดการณ์ไว้ตามเดิม โดยเหล่านักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ในปีนี้เศรษฐกิจโลกจะเติบโตได้ 3.0% ตามเดิม ขณะที่ปี 2017 คาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ลดลงสู่ระดับ 3.2% จากเดิมที่ 3.3% ซึ่งน้อยกว่า IMF ที่ประเมินว่าจะเติบโตได้ 3.1% ในปีนี้และ 3.4% ในปี 2017