MTS Help Center

ธนาคารกลางอังกฤษ เตือน Brexit จะบั่นทอนเศรษฐกิจโลก และกดดันค่าเงินปอนด์อย่างรุนแรง

ธนาคารกลางอังกฤษ ระบุว่า การออกจากสหภาพยุโรปอาจส่งผลร้ายต่อเศรษฐกิจโลก และยังทำให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างหนัก และจากความไม่แน่นอนในปัจจุบันว่าผลการประชามติจะออกมาในทิศทางใด ส่งผลให้เกิดการชะลอการตัดสินใจในการทำธุรกรรมต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม

การชะลอการทำธุรกรรมนั้น ได้แก่ การชะลอการซื้อบ้าน, รถยนต์ และการลงทุนทางธุรกิจ เป็นต้น

“ความเสี่ยงที่อังกฤษอาจออกจากสหภาพยุโรปเป็น ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดของเศรษฐกิจอังกฤษในขณะนี้, เศรษฐกิจและตลาดการเงินทั่วโลกเอง ก็อยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน” ธนาคารกลางอังกฤษ ระบุในรายงาน

ทั้งนี้ ธนาคารกลางอังกฤษ ได้เตรียมแผนการรองรับเอาไว้กรณีที่ผลโหวตออกมาเป็น “ออก” รวมถึงการคอยกำกับดูแลภาคธนาคารให้มีสภาพคล่องเพียงพอ

ทั้งนี้มูลค่าตลาดหุ้นทั่วโลก ได้หายไปแล้วหลายพันล้านดอลลาร์ และพันธบัตรรัฐบาลของหลายๆประเทศ ได้หดตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ ก่อนการทำประชามติวันที่ 23 มิ.ย. นี้

รัฐบาลญี่ปุ่น ยังคงรักษาประมาณการณ์เศรษฐกิจไว้ตามเดิม

รายงานเศรษฐกิจประจำเดือน ของรัฐบาลญี่ปุ่น ทีเผยออกมาในวันนี้ ระบุว่า รัฐบาลยังคงรักษาประมาณการณ์เศรษฐกิจไว้ตามเดิม อย่างไรก็ดีปัจจัยกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ช้าลง ส่งผลให้เกิดคำถามถึงการบริหารประเทศของทีมเศรษฐกิจญี่ปุ่น

สำนักคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุ ดัชนีราคาผู้บริโภคญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่ช้าลง ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงสามารถเติบโตได้ในระดับปานกลาง

น้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ หลังจากที่เมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงอย่างหนัก เนื่องจากแรงกลับเข้าซื้อโดยนักเก็งกำไรและนักลงทุนกลุ่มBargain-Hunting (นักลงทุนที่เข้าซื้อเมื่อราคาต่ำลง)

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางส่วน เตือนว่า ความเสี่ยงจาก Brexit ยังคงคอยกดดันตลาด

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 0.80% สู่ระดับ 46.58 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวสูงขึ้น 1.23% สู่ระดับ 47.77 เหรียญ/บาร์เรล

นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs มีมุมมองต่อราคาน้ำมันดิบแย่ลง โดยระบุว่า ราคาน้ำมันดิบ อาจปรับตัวลดลงอยู่ในระดับต่ำกว่าจุดสูงสุดของปีนี้ที่ระดับ 53 เหรียญ/บาร์เรล ไปอีกหลายเดือน