ผลการสำรวจผู้เชี่ยวชาญ 22 ราย โดย Bloomberg ระบุว่า หากอังกฤษเลือกโหวตออกจากสหภาพยุโรป ราคาทองคำคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นไปสู่ระดับ 1,350 เหรียญ ขณะที่หากอังกฤษยังเลือกคงอยู่กับสหภาพยุโรปต่อไป ราคาทองคำคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 1,250 เหรียญ
ทั้งนี้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่พุ่งสูงขึ้น
CEO ประจำ Sharps Pixley ระบุว่า หากผลการทำประชามติของอังกฤษ คือออกจากสหภาพยุโรป ความไม่แน่นอนในตลาดจะยังคงอยู่ต่อไป เนื่องจากความกังวลว่าอังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรปอย่างไร และเมื่อไหร่ จะเป็นประเด็นความเสี่ยงต่อไป ซึ่งจะช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อ
นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ระบุว่า นักลงทุนควรมีหุ้นทองคำอย่าง AngloGold Ashanti Ltd และ Barrick Gold Corp ติดพอร์ตเอาไว้บ้าง เพื่อปกป้องตนเองหากการทำประชามติของอังกฤษสร้างความตื่นตระหนกให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมา
ทั้งนี้นอกเหนือจาก Brexit แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ช่วยหนุนราคาทองคำอีกเช่นกัน อาทิ ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง, การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ, การใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบในญี่ปุ่นและยุโรป เป็นต้น ซึ่งช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นมากในปีนี้ หลังจากที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันมาตลอด 3 ปี โดยในปีนี้ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นมาแล้วกว่า 20%
นักวิเคราะห์จาก Marex Spectron Group ระบุว่า หากอังกฤษเลือกที่จะอยู่กับสหภาพยุโรปต่อไป ก็ยังมีประเด็นอื่นๆที่เป็นปัจจัยหนุนทองคำอยู่ดี ดังนั้นจึงไม่คาดว่าการทำประชามติของอังกฤษจะเป็นสาเหตุให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงมากนัก
CEO จาก Zee Gold DMCC ระบุว่า หากนักลงทุนเสียขวัญจากกรณี Brexit และส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกหดตัวอย่างรุนแรง ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นเป็นอยากมาก
นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence ระบุว่า หากอังกฤษโหวตออกจากสหภาพยุโรปจริงจะมีผลกระทบอย่างหนักต่อระบบการเงิน เนื่องจากถึงแม้ว่าโพลล์ส่วนใหญ่จะให้คะแนนทั้งสองฝั่งสูสีกัน แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยกันกับผม ยังคงเชื่อว่าอังกฤษจะยังอยู่ในสหภาพยุโรปต่อไป
ที่มา: Bloomberg