MTS Help Center

ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก จากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ จึงส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในเร็วๆนี้ โดยดัชนีดอลลาร์เช้านี้อยู่ที่ระดับ 94.678

ด้านค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงมาบริเวณ 1.1305 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.1378 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินเยนทรงตัวเช้านี้บริเวณ 108.78 เยน/ดอลลาร์

ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในคืนวันศุกร์พบว่า ข้อมูลส่วนใหญ่ออกมาค่อนข้างแข็งแกร่ง นำโดย ยอดข้าปลีกประจำเดือนเมษายนที่ขยายตัวขึ้นเกินคาดอย่างมากแตะระดับ 1.3% โดยเป็นระดับการขยายตัวมากทีสุดในรอบเกือบปี ขณะที่ยอดค้าปลีกที่ไม่รวมกลุ่มยานยนต์ก็ปรับตัวขึ้นเกินคาดเช่นกัน แตะระดับ 0.8% โดยยอดค้าปลีกสหรัฐฯได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภค จึงช่วยหนุนให้สภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวขึ้นจากที่ชะลอตัวลงในช่วงต้นปี

ด้านผลการประกาศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นประจำเดือนพฤษภาคมขยายตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบปีที่ระดับ 95.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว จากมุมมองที่แข็งแกร่งต่อการปรับตัวของเงินเฟ้อจะส่งผลให้รายได้ปรับตัวสูงขึ้นในรอบเกือบทศวรรษ

ขณะที่ผลการประกาศข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนเมษายนปรับตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบโดยปรับตัวขึ้นแตะระดับ 0.2% จากระดับ -0.1% ขณะที่ดัชนี Core PPI ที่ไม่รวมภาคอาหารและพลังงานขยายตัวขึ้น 0.1%จากเดิมที่ระดับ -0.1%

นาย จอห์น วิลเลี่ยม ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และขณะนี้เฟดกำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งที่เหลือหรือไม่ โดยตัวเขาคาดว่า การขึ้นดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้นั้นสมเหตุสมผล

ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจจีนในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งกิจกรรมภาคโรงงานและยอดค้าปลีกขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์ในเดือนเมษายน จึงสร้างความกังวลว่าต่อการมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจจีน โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงแตะ 6.0% จากระดับ 6.8% ขณะที่ Fixed Asset Investment ร่วงลงแตะ 10.5% และยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลงแตะ 10.1% จากระดับ 10.5%

น้ำมันดิบ WTI ปิด -1.1% ที่ระดับ 46.21 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -0.5% ที่ระดับ 47.83 เหรียญ/บาร์เรล เพราะได้รับแรงกดดันจากแรงเทขายทำกำไรหลังจากที่ตลาดปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้า รวมทั้งแคนาดาที่เริ่มกลับมาผลิตน้ำมันดิบอีกครั้งหลังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าในช่วงก่อนหน้า