• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 29 กันยายน 2566

    29 กันยายน 2566 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (28 ก.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -10.05 เหรียญ หรือ -0.54% อยู่ที่ระดับ 1,864.79 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12.30 ดอลลาร์ หรือ 0.65% ปิดที่ 1,878.60 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.70 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 22.741 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 18.80 ดอลลาร์ หรือ 2.10% ปิดที่ 915.10 ดอลลาร์/ออนซ์

  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 873.64 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ขายสุทธิ 16.46 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 44.0 ตัน

  • นักวิเคราะห์จาก InProved ระบุว่า ตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯที่ออกมาสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้นตาม กดดันทำให้เกิดแรงเทขายในราคาทองคำ 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง

  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง - 0.53 จุด หรือ -0.5% มาอยู่ที่ระดับ 106.14 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.577% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 5.062% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.49% อยู่ในภาวะ inverted yield curve

  • สำนักข่าวอินโฟเควสท์ ระบุว่า เมื่อวานนี้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลของนักลงทุนที่จับตาความคืบหน้าของสภาคองเกรสในการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว ซึ่งหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 30 ก.ย. ก็จะทำให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ หรือชัตดาวน์ในวันที่ 1 ต.ค.

  • ฝ่ายวิจัยโลกของแบงก์ ออฟ อเมริกาได้ปรับเพิ่มเป้าหมายในปลายปีนี้สำหรับดอลลาร์ต่อเยนขึ้นสู่ระดับ 153 และคาดว่าดอลลาร์ต่อเยนจะแตะระดับสูงสุดที่ 155 ในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า นั่นหมายความว่า เยนอาจจะอ่อนค่าลงอีก 2.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากที่อ่อนค่าราว 12% แล้วในปีนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ แบงก์ ออฟ อเมริกาคาดว่าเป้าหมายปลายปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 150


  • สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐส่งสัญญาณบ่งชี้ในช่วงนี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะสามารถทำให้อัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคชะลอตัวลงจากระดับ 9% ที่เคยทำไว้ในเดือนมิ.ย. 2022 สู่ระดับ 2.5% ได้ในอนาคต ซึ่งอาจจะมองได้ว่าเฟดประสบความสำเร็จในแง่หนึ่ง โดยเฉพาะถ้าหากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย

  • นักกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนจากยูบีเอสกล่าวว่า "ดอลลาร์ในสภาวะแวดล้อมนี้กำลังได้รับแรงหนุนทั้งจากผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น และจากความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่สั่นคลอนมากขึ้นด้วย ผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวดีกว่า ดอลลาร์จึงยังคงน่าสนใจอยู่"


  • ถ้อยแถลงของ นายพาวเวล ประธานในการประชุมแบบ town hall ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อเช้านี้ตามเวลาไทย ไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย หรือเศรษฐกิจแต่อย่างใด

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี ( 28 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการชะลอตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในวันนี้ รวมทั้งติดตามความคืบหน้าในการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวของสภาคองเกรส

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,666.34 จุด เพิ่มขึ้น 116.07 จุด หรือ +0.35%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,299.70 จุด เพิ่มขึ้น 25.19 จุด หรือ +0.59% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,201.28 จุด เพิ่มขึ้น 108.43 จุด หรือ +0.83%

  • บริษัทมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสคาดว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐจะชะลอตัวลงในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่คุณภาพหนี้ผู้บริโภคกำลังลดลง ซึ่งบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในกลุ่มตลาดสินเชื่อบางกลุ่ม

  • ธนาคารเอชเอสบีซี มีแผนที่จะเข้าซื้อธุรกิจบริหารความมั่งคั่งผู้บริโภคจีนของธนาคารซิตี้กรุ๊ป ซึ่งบริหารสินทรัพย์มูลค่ากว่า 3 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของเอชเอสบีซีในประเทศจีน

  • นักลงทุนพันธบัตรรัฐบาลของจีนคาดว่า ผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งขึ้นมากในรอบเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นจากความวิตกเกี่ยวกับการเร่งออกพันธบัตรให้เร็วขึ้นนั้น เป็นการพุ่งขึ้นมากเกินไป และราคาจะปรับตัวขึ้นอีกครั้ง เมื่อสภาวะการระดมทุนบรรเทาลงในไตรมาส 4 เนื่องจากจีนกำลังจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในวันพรุ่งนี้ จึงดูเหมือนว่าพันธบัตรกำลังฟื้นตัว หลังจาก 1 เดือนที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับ 2.74% จากระดับ 2.53% ทั้งนี้ ผลตอบแทนปรับตัวขึ้นหลังจากจีนออกมาตรการกระตุ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เกิดความเป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว รวมทั้งมีการออกพันธบัตรมากขึ้นของรัฐบาลท้องถิ่นด้วย

  • ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนปรับตัวลงสู่ระดับ 93.3 ในเดือนก.ย. จากระดับ 93.6 ในเดือนส.ค. แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 92.5 โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจดังกล่าวปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อในยุโรป

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันพฤหัสบดี (28 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลว่า ภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

  • ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.97 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 91.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ( BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 95.38 ดอลลาร์/บาร์เรล

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ

  • กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียประกาศห้ามพลเมืองอังกฤษเดินทางเข้ารัสเซียอย่างไม่มีกำหนดเพิ่มอีก 23 ราย เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของอังกฤษ

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท

  • ค่าเงินบาทวันนี้ ( 29 ก.ย.66 ) เปิดตลาดแข็งค่าที่ 36.61 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับที่ 36.40 บาท แนวต้าน 36.70 บาท

  • นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน   ธนาคารกรุงไทย ระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทอาจเริ่มชะลอลงบ้าง หลังเงินดอลลาร์ได้อ่อนค่าลงและเริ่มแกว่งตัว sideway ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในวันนี้

  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ( SCB EIC) ประเมินวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นของไทยสิ้นสุดแล้ว หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ Neutral rate และจะคงดอกเบี้ยต่อเนื่องไปในปีหน้า โดย กนง.ได้ดำเนินการปรับทิศทางนโยบายการเงินของไทยให้กลับเข้าสู่ระดับปกติ (Monetary policy normalization) ที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะยาวแล้ว ผ่านการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง 8 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 2.0% สู่ Terminal rate ที่ 2.5% ซึ่งน่าจะเป็นระดับ Neutral rate (ระดับอัตราดอกเบี้ยที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับศักยภาพและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% อย่างยั่งยืน) ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real interest rate) ของไทยกลับมาเป็นบวก ซึ่งจะช่วยเสริมเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาวผ่านการป้องกันการสะสมความไม่สมดุลทางการเงินที่เกิดจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน

  • ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน ส.ค. 66 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่องทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย การส่งออกสินค้าที่กลับมาขยายตัวเป็นบวก และอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 ลงมาอยู่ที่ 3.0% จากเดิม 3.6% เนื่องจากปัจจัยลบที่สำคัญ คือ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 2/66 ชะลอตัวกว่าที่คาด, มูลค่าการส่งออกของไทยยังปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาด นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องความล่าช้าในการจัดทำงบประมาณปี 2567 รวมถึงสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงจากปรากฎการณ์เอลนีโญ



ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com