• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 26 กันยายน 2566

    26 กันยายน 2566 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -9.41 เหรียญ หรือ -0.49% อยู่ที่ระดับ 1,916.02 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 9 เหรียญ หรือ 0.46% ปิดที่ 1,936.60 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 45.90 เซนต์ หรือ 1.93% ปิดที่ 23.385 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 16.60 เหรียญ หรือ 1.78% ปิดที่ 917.50 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 0.87 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 876.52 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ขายสุทธิ 13.58 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 41.12 ตัน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.37 จุด หรือ 0.35% มาอยู่ที่ระดับ 105.94 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.09 % มาอยู่ที่ระดับ 4.537% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.02 % มาอยู่ที่ระดับ 5.129% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.59% 


  • แมรี ดาลี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโกกล่าวในวันศุกร์ว่า ถึงแม้การร่วงลงของอัตราเงินเฟ้อในระยะนี้และการที่ตลาดแรงงานปรับเข้าสู่ภาวะสมดุลอย่างค่อยเป็นค่อยไป จะถือเป็นข่าวดี "อย่างไม่มีข้อสงสัย" เฟดก็จำเป็นจะต้องได้เห็นข้อมูลมากกว่านี้ก่อนที่จะตัดสินใจได้ว่า เฟดจำเป็นจะต้องคุมเข้มนโยบายต่อไปหรือไม่


  • มิเชลล์ โบว์แมน หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในวันศุกร์ว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงเกินไป แลคาดว่าสิ่งที่เหมาะสมสำหรับคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) ก็คือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับที่จำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นเวลานานระยะหนึ่ง เพื่อจะได้ทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับคืนสู่ระดับเป้าหมายที่เราตั้งไว้ที่ 2% ภายในเวลาที่เหมาะสม


  • ซูซาน คอลลินส์ ประธานเฟดบอสตันยังคงมั่นใจเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดยิ่งขึ้น โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมนั้นไม่ได้อยู่นอกกรอบอย่างแน่นอน อัตราเงินเฟ้ออาจลดลงได้เมื่อมีการว่างงานเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 


  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐของ Morgan Stanley เชื่อว่า Fed ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว จากสถาณการณ์ที่จะควบคุมเงินเฟ้อนี้ ธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้จนกว่าจะพร้อมปรับลดในปีหน้า


  • สมาชิกสภาการปกครองของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และประธานธนาคารแห่งฝรั่งเศส กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยควรคงอยู่ที่ระดับนี้เป็นระยะเวลานานพอสมควร


  • สมาชิกสภารัฐบาลธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า หากเราสามารถคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงนานพอ ก็มีโอกาสที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายให้อัตราเงินเฟ้อสามารถกลับไปที่ 2% ได้ทันการ


  • ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวต่อผู้นำทางธุรกิจในเมืองโอซาก้าในวันนี้ว่า บีโอเจกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิดถึงผลกระทบที่เศรษฐกิจและราคาได้รับจากการดิ่งลงของค่าเงินเยนในระยะนี้ ทั้งนี้ นักการเมืองญี่ปุ่นบางคนระบุว่า นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากเป็นพิเศษของบีโอเจส่งผลให้เยนดิ่งลง และปัจจัยดังกล่าวก็ส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบในญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความเสียหายต่อภาคครัวเรือนและภาคค้าปลีกของญี่ปุ่น


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ โดยดาวโจนส์ฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 4 วันทำการก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจและการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,006.88 จุด เพิ่มขึ้น 43.04 จุด หรือ +0.13%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,337.44 จุด เพิ่มขึ้น 17.38 จุด หรือ +0.40% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,271.32 จุด เพิ่มขึ้น 59.51 จุด หรือ +0.45%


  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าบริบทของอัตราดอกเบี้ย "สูงขึ้นเป็นเวลานาน" จะทำให้อุปสงค์โดยรวมลดลง สิ่งนี้อาจบังคับให้บริษัทสหรัฐฯ ปรับลดประมาณการการเติบโต


  • โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า บริษัทบัตรเครดิตในสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการขาดทุนมากที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกครั้งใหญ่ (Great Financial Crisis) ซึ่งปัจจุบัน อัตราการขาดทุนของบริษัทบัตรเครดิตอยู่ที่ 3.63% ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.5% จากสถิติต่ำสุดที่เคยทำไว้ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่าอัตราการขาดทุนจะเพิ่มขึ้นอีก 1.3% สู่ระดับ 4.93% โดยปัญหานี้เกิดขึ้นในช่วงที่ชาวอเมริกันเป็นหนี้บัตรเครดิตมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ ตามข้อมูลของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก


  • สภากำกับดูแลด้านการเงินของออสเตรเลีย (CFR) เปิดเผยในรายงานรายไตรมาสว่า หากเศรษฐกิจจีนถดถอยในระดับที่รุนแรงมากขึ้น จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อออสเตรเลีย เนื่องจากจะทำให้การค้าอ่อนแอลง และทำให้นักลงทุนลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดการเงิน โดยจีนถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ หลังจากรัสเซียประกาศผ่อนคลายคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และความกังวลว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 35 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 89.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 93.29 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันโลก (4-10 ก.ย. 66) ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 90.37 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 87.15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 3.69 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 4.70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ ทั้งนี้ เนื่องจากความกังวลต่ออุปทานตึงตัว หลังซาอุฯ ขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมที่ 1.0 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงสิ้นปี ขณะที่รัสเซียปรับลดการส่งออกลง 0.3 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงสิ้นปีเช่นกัน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความกังวลต่ออุปทานจากการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของโรงกลั่นในสหรัฐฯ


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


  • สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อภิปรายเกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การอภิปรายแทบจะไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากสมาชิกยังคงมีความเห็นต่างในหลายประเด็น โดยสภาคองเกรสสหรัฐกำลังพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว โดยสภาผู้แทนราษฎรซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก และวุฒิสภาสหรัฐซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก มีเวลาจนถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ ในการหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐหรือชัตดาวน์ครั้งที่ 4 ในรอบ 10 ปี 


  • เกาหลีใต้กำลังพยายามที่จะเชิญประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งประเทศจีนเดินทางเยือนประเทศเป็นครั้งแรกในรอบประมาณ 1 ทศวรรษ เพื่อพลิกฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกัน หลังเกาหลีใต้ให้ความสนิทสนมกับสหรัฐมากกว่า


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดเช้านี้ ที่ระดับ  36.17 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลง เล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  36.14 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.00-36.35 บาทต่อ ดอลลาร์ 


  • นักวิเคราะห์จากบริษัทอีเบอรี (Ebury) และโซซิเอเต้ เจเนเรล (Societe Generale) คาดการณ์ว่า เงินบาทของไทยมีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้น หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทย ให้คำมั่นว่าจะเร่งผลักดันเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเป้าหมายในระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเขาคือการเร่งผลักดันเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวโดยเฉลี่ย 5% ต่อปี โดยจะเน้นกระตุ้นการผลิตและดึงดูดการลงทุนจากบริษัทสหรัฐ ซึ่งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่นายเศรษฐาคาดหวังนั้น อยู่สูงกว่าระดับ 1.8% ในไตรมาส 2/2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากทั้งสองสถาบันคาดการณ์ว่า เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2566 ซึ่งแข็งแกร่งกว่าปัจจุบันถึง 5% โดยการแข็งค่าของเงินบาทจะเป็นปัจจัยสนับสนุนอันดับความน่าเชื่อถือของไทย และลดแรงกดดันที่มีต่อตลาดหุ้นไทย


  • นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ที่ 2.25% ในการประชุมวันที่ 27 ก.ย.นี้ และจากนั้นจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับดังกล่าวไปจนถึงปี 2568 ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดวงจรการคุมเข้มทางการเงินนานนับปี แม้จะมีนักเศรษฐศาสตร์บางรายที่ยังคงคาดการณ์ว่า ธปท.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกหนึ่งครั้งก็ตาม




 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com