• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 2 สิงหาคม 2566

    2 สิงหาคม 2566 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 30 ดอลลาร์ในวันอังคาร เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -21.42 เหรียญ หรือ -1.09% อยู่ที่ระดับ 1,944.2 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 30.40 เหรียญ หรือ 1.5% ปิดที่ 1,978.80 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 65 เซนต์ หรือ 2.6% ปิดที่ 24.33 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 18.20 เหรียญ หรือ 1.9% ปิดที่ 940.40 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 3.75 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 909.18 ตันภาพรวมเดือนสิงหาคม ขายสุทธิ 3.75 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 8.46 ตัน


  • นักวิเคราะห์จากบริษัท ActivTrades กล่าวว่า นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอย แต่จะชะลอตัวในลักษณะซอฟต์แลนดิ้ง พร้อมกับคาดการณ์ว่าราคาทองคำมีแนวโน้มอ่อนตัวลงสู่ระดับ 1,950 ดอลลาร์


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง 


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.09 จุด หรือ 0.09% มาอยู่ที่ระดับ 101.96 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 4.023% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 4.908% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.89% 


  • ผู้วิเคราะห์ของรอยเตอร์ ตั้งข้อสังเกตว่า การถือครองสถานะขายที่สูงมากในดอลลาร์ต่อไปอาจจะเผชิญอุปสรรคจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แทนที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย, แรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลงในสหรัฐ และภาวะเฟื่องฟูในตลาดการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนได้ปรับลดการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในเร็ว ๆ นี้ และนักลงทุนได้หันมาคาดการณ์กันว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะพอเหมาะพอดี ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว


  • นายนีล แคชคารี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนิอาโปลิสกล่าวว่า ดูเหมือนว่าสหรัฐจะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ แต่ก็อาจจะพบว่าอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่สหรัฐยังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อต่อไป

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนก.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐ และรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทอะเมซอน และแอปเปิ้ล อิงค์


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,630.68 จุด เพิ่มขึ้น 71.15 จุด หรือ +0.20%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,576.73 จุด ลดลง 12.23 จุด หรือ -0.27% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,283.91 จุด ลดลง 62.11 จุด หรือ -0.43%


  • นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงหนุนในช่วงนี้จากเศรษฐกิจสหรัฐที่รักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้เป็นอย่างดี และจากการคาดการณ์ที่ว่า วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว ถึงแม้นักลงทุนกังวลกับมูลค่าหุ้นที่ระดับสูง และกังวลกับความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อจะดีดขึ้น ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 19% จากช่วงต้นปีนี้ และบวกขึ้นมาแล้วราว 1% ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตลาดหุ้นทะยานขึ้นเกือบ 10% นับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.


  • นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.จาก ADP และวันพฤหัสบดีจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนในวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.6% ในเดือนก.ค.


  • ข้อมูลคาดการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโกพบว่า เงินฝากส่วนเกินของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 5.00 แสนล้านดอลลาร์ จากราว 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค.2021 ขณะที่ดอยช์แบงก์คาดว่า เงินฝากส่วนเกินในสวีเดนหดตัวลง และภาคครัวเรือนอังกฤษได้ถอนเงินจากบัญชีในอัตราสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ค. ขณะที่สำนักงานความรับผิดชอบงบประมาณของรัฐบาลคาดว่า อัตราการออมเงินจะอยู่ที่ 0 ภายในปลายปีนี้ จากเกือบ 25% ในปี 2020 ซึ่งการลดลงอย่างมากของเงินออมส่วนเกินอาจจะกลายเป็นปัจจัยที่เข้ามาทำลายความเชื่อมั่นเชิงบวก


  • ผลสำรวจพบว่า กิจกรรมภาคการผลิตของจีนลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือนก.ค. ขณะที่ภาคบริการและภาคการก่อสร้างเกือบจะหดตัว ซึ่งเป็นอันตรายต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสำหรับไตรมาส 3 โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 49.3 ในเดือนก.ค. จากระดับ 49.0 ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนียังคงต่ำกว่าระดับ 50 ที่แบ่งแยกระหว่างการขยายตัวและการหดตัว และเทียบกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 49.2 ขณะที่ดัชนี PMI สำหรับภาคบริการลดลงสู่ระดับ 51.5 ในเดือนก.ค. จาก 53.2 ในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนี PMI คอมโพสิตที่ครอบคลุมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ ลดลงสู่ระดับ 51.1 ในเดือนก.ค. จาก 52.9

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนขายทำกำไร หลังจากสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนก.ค.


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 43 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 81.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 52 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 84.91 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกสำหรับปี 2566 ขณะเดียวกันได้คงตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในระยะเวลา 12 เดือนเอาไว้ที่ระดับ 93 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยระบุว่า การที่ตลาดมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้น ได้ช่วยบดบังปัจจัยลบจากสต็อกน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น


  • ข้อมูลของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 15.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ก.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.37 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงดีเซลและฮีทติ้งออยล์ ลดลงประมาณ 510,000 บาร์เรล

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาดอ่อนค่าที่ 34.33 บาทต่อดอลลาร์ นักบริหารการเงิน ชี้จากดอลลาร์แข็งค่าและแรงซื้อทองคำจังหวะย่อตัว แต่ตลาดการเงินผันผวนสูง ทั้งปัจจัยการเมืองไทย และบรรยากาศตลาดการเงินพลิกไปมา คาดรู้ผลกนง. มองกรอบเงินบาทวันนี้ 34.05-34.50 บาทต่อดอลลาร์


  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 2.25% ในการประชุม กนง. วันที่ 2 ส.ค.นี้ ตามที่ได้ส่งสัญญาณไว้ แม้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะลดลงอย่างมาก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีทิศทางฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่เงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงที่จะเร่งสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ กนง. ยังคงเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อไป ทั้งนี้ เงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือนมิ.ย.66 ลดลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 22 เดือนที่ 0.23%YoY สะท้อนแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่อ่อนแรงลงอย่างมาก อย่างไรก็ดี เงินเฟ้อที่ปรับลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัจจัยฐานที่สูงในปีก่อนหน้า



ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com