• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 11 กรกฎาคม 2566

    11 กรกฎาคม 2566 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันจันทร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -0.13 เหรียญ หรือ -0.01% อยู่ที่ระดับ 1,925.44 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 1.5 เหรียญ หรือ 0.08% ปิดที่ 1,931 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 5.60 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 23.345 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 16.30 เหรียญ หรือ 1.77% ปิดที่ 934.80 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 915.26 ตันภาพรวมเดือนกรกฎาคม ขายสุทธิ 6.64 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 2.38 ตัน

 

  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) เพิ่มการถือครองทองคำสำรองอีก 23 ตันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มติดต่อกันเดือนที่ 8 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยการที่จีนเพิ่มทองคำสำรองติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 8 เดือนสะท้อนให้เห็นว่า จีนหันมาให้ความสนใจที่จะเพิ่มทองคำในระบบทุนสำรองมากกว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ในขณะนี้จีนมีทองคำสำรองอยู่ที่ 2,330 ตัน ทั้งนี้ นอกจากทองคำแล้ว ทุนสำรองเงินตราประเทศเดือนมิ.ย.ของจีนก็เพิ่มขึ้น 1.64 หมื่นล้านดอลลาร์ แตะระดับ 3.193 ล้านล้านดอลลาร์ จากระดับของเดือนพ.ค.

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.35 จุด หรือ -0.34% มาอยู่ที่ระดับ 101.94 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 4.0% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.08 % มาอยู่ที่ระดับ 4.866% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.87% 


  • นายออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกกล่าวว่า เขาไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่เฟดที่ว่า อัตราดอกเบี้ยจะต้องปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปีนี้เพื่อจัดการกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังสูงเกินไป โดยเป้าหมายหลักของเฟดในตอนนี้คือการทำให้เงินเฟ้อลดลง พร้อมเสริมว่า เขาเชื่อว่า นั่นสามารถทำได้โดยที่ไม่ทำให้อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับที่จะหมายถึงภาวะถดถอย


  • นางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% นอกจากนี้นางดาลียังกล่าวด้วยว่า การดำเนินการที่น้อยเกินไปจะสร้างความเสี่ยงมากกว่าการดำเนินการที่มากเกินไป แต่ขณะนี้การดำเนินการของเฟดมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น และเฟดก็ใกล้จะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย


  • นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่า เป็นหนึ่งในกรรมการเฟดที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา และยังคงสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ก็มองว่าเรากำลังใกล้ยุติวงจรการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน


  • นายไมเคิล บาร์ รองประธานเฟดฝ่ายกำกับดูแลภาคธนาคาร กล่าวว่าเฟดมีความคืบหน้าอย่างมากในการดำเนินนโยบายด้านการเงินในปีที่ผ่านมา เรายังคงมีงานอีกเล็กน้อยที่จะต้องทำ และคาดว่าภารกิจของเราใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว


  • ตัวเลขการจ้างงานที่รัฐบาลสหรัฐรายงานออกมาในวันศุกร์บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. เพราะถึงแม้ว่าการจ้างงานสหรัฐปรับขึ้นน้อยเกินคาดในเดือนมิ.ย. ค่าแรงก็ยังคงพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และอัตราการว่างงานปรับขึ้นเล็กน้อย


  • นักลงทุนเทน้ำหนักมากกว่า 90% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 25-26 ก.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลแรงงานเมื่อวันศุกร์ โดยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ตำแหน่ง แต่ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.4% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.2%


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในวันจันทร์ หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายคนส่งสัญญาณว่า เฟดใกล้จะยุติวงจรการดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงิน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ และรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,944.40 จุด เพิ่มขึ้น 209.52 จุด หรือ +0.62%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,409.53 จุด เพิ่มขึ้น 10.58 จุด หรือ +0.24% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,685.48 จุด เพิ่มขึ้น 24.77 จุด หรือ +0.18%


  • นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันพุธที่ 12 ก.ค.กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมิ.ย. และจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนมิ.ย.ในวันพฤหัสบดีที่ 13 ก.ค.


  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนทรงตัวในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งอ่อนแอกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค. ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ร่วงลง 5.4% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 5% หลังจากที่ปรับตัวลง 4.6% ในเดือนพ.ค.


  • ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนดิ่งลงมากเกินคาดในเดือนก.ค. โดยแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤติพลังงานของยุโรปในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ขณะที่ยูโรโซนยังคงอยู่ในภาวะถดถอย โดยไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าสถานการณ์ต่างๆจะปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นสำหรับยูโรโซนดิ่งลงสู่ระดับ -22.5 ในเดือนก.ค.จากระดับ -17.0 ในเดือนมิ.ย. โดยร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ -18.0


  • กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ 1.86 ล้านล้านเยน (1.308 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนพ.ค. แต่ต่ำกว่าเดือนเม.ย.เล็กน้อย เนื่องจากขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น


  • โกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยปลายทางของธนาคารกลางอังกฤษขึ้น 0.25% สู่ระดับ 6% โดยระบุว่า การส่งผ่านการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปยังเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างช้าๆผ่านตลาดสินเชื่อจำนองนั้นบ่งชี้ว่า ยังจำเป็นต้องมีการคุมเข้มนโยบายแบบเชิงรุกมากขึ้น


  • สมาคมการค้าของอังกฤษและบริษัทบัญชีบีดีโอ (BDO) เปิดเผยว่า บริษัทต่าง ๆ ของอังกฤษมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการค้ามากที่สุดในรอบ 10 เดือนในเดือนมิ.ย.และมีแผนจะจ้างงานเพิ่มอีกครั้ง แต่อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลให้ผู้บริโภคควบคุมการใช้จ่าย


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ โดยตลาดถูกกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งความกังวลว่าการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 87 เซนต์ หรือ 1.18% ปิดที่ 72.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 78 เซนต์ หรือ 0.99% ปิดที่ 77.69 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • นักวิเคราะห์จากบริษัท BOK Financial กล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้น 4.6% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกันตลาดได้รับผลกระทบจากความกังวลว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะฉุดอุปสงค์น้ำมันให้อ่อนแอลง


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


  • จีนขอความร่วมมือ ให้สหรัฐยุติการปราบปรามบริษัทต่าง ๆ ของจีน ยกเลิกการแบนผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับซินเจียง และดำเนินการตอบสนองต่อข้อกังวลของจีนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศอย่างเป็นรูปธรรม


  • ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงการเมืองต่างก็จับตาท่าทีของรัฐบาลสหรัฐอย่างใกล้ชิด หลังจากที่เกาหลีเหนือกล่าวหาว่า สหรัฐได้ส่งเครื่องบินสอดแนมรุกล้ำน่านฟ้าของเกาหลีเหนือ และขู่ว่าจะยิงเครื่องบินดังกล่าวให้ร่วง ซึ่งคำขู่ของเกาหลีเหนือได้สร้างความตึงเครียดก่อนที่การประชุมผู้นำองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ประจำปีจะเปิดฉากขึ้นในสัปดาห์นี้ที่ประเทศลิทัวเนีย

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 35.05 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ระดับ 35.16 บาทต่อดอลลาร์ โดยจะมีกรอบแนวรับที่ 34.95 บาท แนวต้าน 35.15 บาท

 

 

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทอง , ทอง , ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com