• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565

    16 พฤศจิกายน 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 7.71 เหรียญ หรือ 0.44% อยู่ที่ระดับ 1,778.89 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 1,776.8 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 59.5 เซนต์ หรือ 2.69% ปิดที่ 21.518 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 10.6 เหรียญ หรือ 1.03% ปิดที่ 1,022.4 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 5.79 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 904.62 ตันภาพรวมเดือนพฤศจิกายน ขายสุทธิ 15.95 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 71.04 ตัน


  • นักวิเคราะห์จาก ACY Securities ระบุว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากระดับ 1,618 เหรียญ และตอนนี้กำลังพักฐานในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ภาพรวมยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยปัจจัยกระตุ้นราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาคือการพักฐานของค่าเงินดอลลาร์

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง



  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.42 จุด หรือ -0.39% มาอยู่ที่ระดับ 106.58 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.09 % มาอยู่ที่ระดับ 3.773% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 4.342% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.57% อยู่ในภาวะ inverted yield curve


  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.75% ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า PBOC อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) ในสัปดาห์หน้า ท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจ


  • ธนาคารเจพีมอร์แกนปรับขึ้นแนวโน้มสำหรับตราสารหนี้สกุลเงินแข็งของประเทศตลาดเกิดใหม่ในวันจันทร์ โดยปรับขึ้นสู่ "marketweight" จาก "underweight" และระบุว่าตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนตุลาคมของสหรัฐช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงการก้าวเข้าสู่ขั้นตอนใหม่ในวัฏจักร โดยขณะนี้เจพีมอร์แกนมุ่งความสนใจไปยังการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ และหันเหความสนใจออกจากแนวโน้มที่การพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ย Fed Funds ขั้นสุดท้ายปรับสูงขึ้น หลังจากที่แนวโน้มดังกล่าวเคยเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลลบต่อตลาดเกิดใหม่


  • ซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ในทางบวกมากยิ่งขึ้นต่อตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่และสกุลเงินของประเทศกำลังพัฒนา โดยหัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดเกิดใหม่ของซิตี้ รีเสิร์ชระบุในแผนยุทธศาสตร์การลงทุนรายสัปดาห์ว่า "นักลงทุนกลับมาคาดการณ์อีกครั้งเรื่องการปรับเปลี่ยนแนวโน้มทิศทางนโยบายการเงินของเฟด ในขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานของสหรัฐดูเหมือนว่าได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว" และเขาระบุเสริมว่า "ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยอาจจะขัดขวางการปรับตัวในทางบวก แต่ตอนนี้นักลงทุนหันมาลงทุนตามการคาดการณ์เรื่องการชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย"

 

  • มอร์แกน สแตนเลย์ระบุว่า "เราก้าวเข้าสู่ช่วงปลายปี 2022 ด้วยการคาดการณ์ที่ว่า ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่จะปรับตัวดีขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า" และระบุเสริมว่า "ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราคาดว่า การลงทุนโดยรวมจะให้ผลตอบแทนเป็นบวก ก็คือการคาดการณ์ที่ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกจะชะลอตัวลงในปี 2023" 

 

  • ประธานธนาคารกลางฝรั่งเศสกล่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อไปให้สูงกว่า 2% แต่การขึ้นดอกเบี้ยแบบ "จัมโบ้" จะไม่กลายเป็นพฤติการณ์ใหม่

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ



  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี ตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ หลังมีรายงานว่าขีปนาวุธของรัสเซียถูกยิงตกในโปแลนด์

 

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,592.92 จุด เพิ่มขึ้น 56.22 จุด หรือ +0.17%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,991.73 จุด เพิ่มขึ้น 34.48 จุด หรือ +0.87% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,358.41 จุด เพิ่มขึ้น 162.19 จุด หรือ +1.45%

 

  • เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวลงอย่างไม่คาดคิดในไตรมาส 3 โดยจีดีพีลดลง 1.2% ในไตรมาส 3 เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะขยายตัว 1.1% และเทียบกับที่เพิ่มขึ้น 4.6% ในไตรมาส 2 ส่วนเมื่อเทียบรายไตรมาส จีดีพีลดลง 0.3% เทียบกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%

 

o   ทั้งนี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจอิโตชู กล่าวว่า "การหดตัวลงเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด" พร้อมระบุว่า การเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือยอดนำเข้าที่สูงเกินคาด "แต่เสาหลักที่หนุนอุปสงค์ 3 เรื่องอาทิ การอุปโภคบริโภค, การใช้จ่ายด้านทุน และการส่งออก ยังคงอยู่ในแดนบวก แม้จะไม่แข็งแกร่ง ดังนั้นอุปสงค์จึงไม่ได้อ่อนแอเท่ากับที่ข้อมูลทั่วไปแสดงออกมา"

 

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ของอังกฤษ รายงาน อัตราการว่างงานปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 3.6% ในเดือนก.ค. - ก.ย. ขณะที่ตำแหน่งงานว่างลดลง 52,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์เฉลี่ยที่คาดไว้ว่าอาจจะลดลง 25,000 ตำแหน่ง เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ วิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน



  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร หลังจากมีรายงานว่า ท่อส่งน้ำมันที่ลำเลียงน้ำมันไปยังฮังการีนั้น ถูกระงับชั่วคราวเนื่องจากพบปัญหาแรงดันตก นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดน้ำมัน

 

  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.05 เหรียญ หรือ 1.2% ปิดที่ 86.92 เหรียญ
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 93.86 เหรียญ

 

  • ผลผลิตน้ำมันของจีนปรับเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายปี และเป็นการปรับตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง จากการที่โรงกลั่นเร่งผลิตเพื่อส่งออก รวมถึงโรงกลั่นใหม่ที่เริ่มทดสอบดำเนินการ

 

  • นักวิเคราะห์จาก ANZ ระบุว่า ตลาดน้ำมันยังคงเผชิญความท้าทายที่กำลังเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านอุปทาน แม้ว่าจะการปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันจะส่งผลอาจทำให้กลุ่มโอเปคปรับลดอุปทานน้ำมันก็ตาม

 

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


 

  • ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐระบุว่า สหรัฐและจีนไม่จำเป็นต้องทำสงครามเย็นรอบใหม่หลังร่วมประชุมสุดยอดแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งประเทศจีนในอินโดนีเซียเป็นเวลา 3 ชั่วโมงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

 

  • นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากดีบีเอสกล่าวว่า "การประชุมระหว่างประธานาธิบดีสี่ จิ้นผิงของจีน และประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐนอกรอบการประชุมสุดยอดกลุ่มจี-20 ได้ลดความวิตกเรื่องสงครามเย็นลง" ทั้งนี้ ผู้นำทั้งสองประกาศว่าจะติดต่อกันบ่อยขึ้น และเห็นพ้องว่า นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐจะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งเพื่อติดตามการเจรจา

 

  • การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ครั้งที่ 17 เปิดฉากขึ้นแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้หัวข้อ “Recover Together, Recover Stronger” ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยประเด็นที่จะหารือกันครอบคลุมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก, ระบบสาธารณสุขโลก และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

 

  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและรองนายกรัฐมนตรีเยอรมนีให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีในสิงคโปร์ว่า เยอรมนีเปิดกว้างต่อการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน แต่ยังคงระมัดระวังตัวเกี่ยวกับทิศทางการลงทุน

 

  • กระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า สหรัฐและฟิลิปปินส์เตรียมจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมทหาร และโกดังเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ในฐานทัพฟิลิปปินส์ทางตอนเหนือ 2 แห่งและ ฐานทัพอากาศทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ 1 แห่งในปีหน้า เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านกลาโหมภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศของทั้งสองชาติ

         

ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด

 


  • ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมทั่วโลกมีจำนวน 640,804,569 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ระดับ 6,616,944 ราย โดยสหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสสูงสุดในโลก (99,935,041) รองลงมาคืออินเดีย (44,667,251) ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 37 ล้านราย ได้แก่ ฝรั่งเศส

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท



  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.57 บาทต่อดอลลาร์"อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.55 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.70 บาทต่อดอลลาร์


  • ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบขยายเวลาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท ออกไปอีก 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. 2565 ถึง 20 ม.ค. 2566 ส่งผลให้สูญเสียรายได้ภาครัฐอีก 2 หมื่นล้านบาท


  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมปรับเกณฑ์ประกอบธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FX) เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจเงินตราต่างประเทศ ให้ยืดหยุ่นและคล่องตัว รองรับการประกอบธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมใหม่และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป

 


ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

 

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทองคำ, ทองคำ, ราคาทองคำ

 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com