• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565

    4 พฤศจิกายน 2565 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ

 

  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (3 พ.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -4.2 เหรียญ หรือ -0.26% อยู่ที่ระดับ 1,629.8 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง -19.1 ดอลลาร์ หรือ -1.16% ปิดที่ 1,630.9 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง -16.4 เซนต์ หรือ -0.84% ปิดที่ 19.43 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 7.53 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 911.59 ตันภาพรวมเดือนพฤศจิกายน ขายสุทธิ 8.98 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 64.07 ตัน

 

  • นักวิเคราะห์จาก Julius Baer ระบุว่า ภาพรวมแนวโน้มตลาดทองคำยังคงเป็นทิศทางขาลง จากการที่เฟดยังคงยืนยีนใช้นโยบายการเงินเข้มงวด ส่งผลต่อความรู้สึกของนักลงทุน และค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ยังคงเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดของราคาทองคำ อาจทำให้ราคาทองคำพุ่งลงได้

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง

 

  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.82 จุด หรือ 0.73% มาอยู่ที่ระดับ 112.97 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 4.167% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.1 % มาอยู่ที่ระดับ 4.73% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.56% อยู่ในภาวะ inverted yield curve

 

  • ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.0% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้

 

  • เทรดเดอร์ของบริษัทเฮแรอุส พรีเชียส เมทัลส์กล่าวว่า เฟดส่งสัญญาณแบบสายเหยี่ยวในวันพุธ เพราะนายพาวเวลล์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และนายพาวเวลล์ระบุว่าขณะนี้ยังเป็นเวลาที่เร็วเกินไปที่จะหยุดพักจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเทรดเดอร์กล่าวเสริมว่า "นายพาวเวลล์มอบทางเลือกให้กับเฟดในการชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลงสู่ 0.50% แต่เขาสกัดกั้นการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดการเงิน เนื่องจากเขาให้ความสำคัญกับประเด็นที่ว่า อัตราดอกเบี้ยจะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ระดับใด และอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่จุดสูงสุดเป็นเวลานานเพียงใด แทนที่จะให้ความสำคัญกับจังหวะความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

  • ทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า สกุลเงินของประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจสหรัฐจะปรับตัวโดดเด่น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก

 

  • โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มจะรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้มากกว่าประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มพัฒนาแล้ว และคาดว่าสกุลเงินดอลลาร์จะแข็งค่าอย่างต่อเนื่องต่อไปอีกระยะหนึ่ง

 

  • หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดจากเอฟเอ อินเวสเมนต์กล่าวว่า แม้หลังจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยเสร็จแล้ว เฟดก็อาจจะปรับลดดอกเบี้ยลงอย่างช้าๆ ซึ่งหมายความว่า อาจจะใช้เวลาหลายเดือนและหลายไตรมาสก่อนที่จะเหมาะสมที่จะเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงแบบเชิงรุก แต่ก็อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในระหว่างนี้จนถึงการประชุมเฟดในเดือนหน้า ขณะที่นักลงทุนกำลังรอดูรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ว่า การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเริ่มลดทอนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจแล้วหรือไม่ และในสัปดาห์หน้า จะมีการเปิดเผยข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อเริ่มลดลงหลังการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอาจจะสนับสนุนเหตุผลสำหรับนโยบายการเงินที่เชิงรุกน้อยลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

 

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันพฤหัสบดี (3 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยาวนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

 

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,001.25 จุด ลดลง 146.51 จุด หรือ -0.46%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,719.89 จุด ลดลง 39.80 จุด หรือ -1.06% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,342.94 จุด ลดลง 181.86 จุด หรือ -1.73%

 

  • รักษาการผู้อำนวยการแผนกซีกโลกตะวันตกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า ไอเอ็มเอฟอาจจะต้องปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากที่ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 3 ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด โดยกล่าวว่า ตัวเลขคาดการณ์ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกไอเอ็มเอฟฉบับล่าสุดคาดว่า จีดีพีแท้จริงของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 1.6% ในปีนี้ ซึ่งตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวมีการตั้งสมมติฐานว่า เศรษฐกิจในไตรมาส 3 จะขยายตัวต่ำกว่าอัตราการขยายตัว 2.6% ที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานออกมาในสัปดาห์ที่แล้ว "นั่นเป็นตัวเลขที่แข็งแกร่ง เป็นไตรมาสที่แข็งแกร่งกว่าที่เราเคยคาดการณ์ไว้ในรายงานเมื่อเดือนต.ค. ดังนั้นจากข้อมูลนั้น มีการปรับตัวขึ้น"

 

  • ไอเอ็มเอฟคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวลดลงอีกสู่ระดับ 1.0% ในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวลดลงสู่ระดับ 2.7% ในปีหน้า แต่เมื่อพิจารณาความไม่แน่ใจเกี่ยวกับสงครามยูเครน, ราคาพลังงาน, อัตราเงินเฟ้อ และภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน จึงมีโอกาส 25% ที่เศรษฐกิจจะขยายตัวต่ำกว่า 2% ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเพียง 5 ครั้งนับตั้งแต่ปี 1970 และมีโอกาสมากกว่า 10% ที่จีดีพีโลกจะหดตัวลง

 

  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐจากไฮ ฟรีเควนซี อีโคโนมิคส์กล่าวว่า "เราคาดว่า การจ้างงานของสหรัฐจะยังคงเพิ่มขึ้นสดใสต่อไปในขณะนี้ แต่คาดว่าอัตราการเพิ่มขึ้นจะชะลอลงรับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด"

 

  • ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) แถลงว่า เศรษฐกิจอังกฤษได้เข้าสู่ภาวะถดถอยในไตรมาส 3 ของปีนี้ และภาวะถดถอยดังกล่าวจะดำเนินต่อไปในปี 2566 จนถึงกลางปี 2567 คาดเศรษฐกิจอังกฤษหดตัว 2.9% นอกจากนี้ BoE คาดว่าเงินเฟ้อจะพุ่งแตะระดับ 11% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีในไตรมาส 4 และอัตราว่างงานจะดีดตัวสู่ระดับ 6.4% ในปลายปี 2568 จากระดับ 3.5%

 

  • ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (สแตนชาร์ต) และธนาคารเอชเอสบีซีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนและฮ่องกงจะฟื้นตัว แม้ว่ารัฐบาลจีนจะยังคงใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมโรคโควิด-19 และแม้ว่าเศรษฐกิจฮ่องกงจะย่ำแย่ที่สุดในรอบกว่า 2 ปีในไตรมาส 3/2565 ก็ตาม

 

  • ธนาคารกลางฮ่องกง (เอเชเอ็มเอ) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% สู่ระดับ 4.25% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี และเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 6 ภายในระยะเวลา 8 เดือน

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน

 

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (3 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่จีนยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอย และทำให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลงด้วย

 

  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง -1.83 ดอลลาร์ หรือ -2% ปิดที่ 88.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง -1.49 ดอลลาร์ หรือ -1.5% ปิดที่ 94.67 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

  • นักวิเคราะห์จาก CMC Market ระบุว่า ค่าเงินดอลลลาร์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลง ประกอบกับ ผู้มีส่วนร่วมบางกลุ่มในตลาดเทขายทำกำไร ทั้งนี้ จากการที่เฟดระบุว่าอัตราดอกเบี้ยปลายทางสูงสุดจะปรับสูงขึ้นจากเดิม กดดันภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกและกดดันตลาดสัญญาซื่อขายน้ำมันล่วงหน้า

 

  • ผู้จัดการจาก SPI Asset Management ระบุว่า เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ราคาน้ำมันสามารถทรงตัวได้หลังจากถ้อยแถลงของประธานเฟด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีสองปัจจัยพื้นฐานที่าเป็นฐานราคาให้น้ำมัน ได้แก่ ประเด็นยุโรปคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย และความเป็นไปได้ของการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคพลัสในเดือนหน้า

 

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ

 

  • รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธนำวิถีอีก 3 ลูกในช่วงเช้าเมื่อวานนี้ โดยหนึ่งในนั้นหายไปจากจอเรดาร์เหนือน่านน้ำทะเลญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการแก้ไขประกาศในเบื้องต้นที่ระบุว่า ขีปนาวุธลูกดังกล่าวได้ถูกยิงข้ามเกาะฮอนชูซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น

 

  • รัฐบาลแคนาดาสั่งการให้บริษัทจีน 3 แห่งถอนการลงทุนในบริษัทแร่ธาตุสำคัญของแคนาดาจากเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดยบริษัททั้ง 3 แห่งได้แก่ ซิโนมายน์ (ฮ่องกง) แร เมทัลส์ รีซอร์สเซส (Sinomine (Hong Kong) Rare Metals Resources Co Ltd) รวมถึง เฉิงเจ๋อ ลิเธียม อินเตอร์เนชันแนล (Chengze Lithium International Ltd) ซึ่งตั้งอยู่ในฮ่องกง และฉางเก๋อ มายนิง อินเวสต์เมนต์ (เฉิงตู) (Zangge Mining Investment (Chengdu) Co Ltd)

         

ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด

 

  • กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผย พบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.3.20 ครั้งแรกในไทย 2 ราย มีแนวโน้มแพร่เร็ว ซึ่งสายพันธ์ุดังกล่าวเป็นลูกหลานของ BA.2 มีการกลายพันธุ์อยู่หลายตำแหน่ง มีแนวโน้มแพร่เร็ว แต่ยังไม่มีข้อมูลความรุนแรง ขณะนี้พบในไทยแล้ว 2 ราย ทั้งคู่หายแล้ว

 

  • กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ขณะนี้สายพันธุ์หลักที่พบยังเป็นโอมิครอน และการติดเชื้อส่วนใหญ่ยังเป็น BA.5 เช่นเดียวกับทั่วโลก อย่างไรก็ดี พบสายพันธุ์ย่อยที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุให้เฝ้าติดตามเพิ่มขึ้น เช่น XBB , BA.4.6 และ BQ.1 โดยแต่ละพื้นที่อาจพบการระบาดสายพันธุ์ที่ต่างกัน เช่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา รายงานแนวโน้มสายพันธุ์ BQ.1, BQ.1.1 เพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าสายพันธุ์ BQ.1 หรือ BQ.1.1 มีความรุนแรงกว่า BA.4 หรือ BA.5

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท

 

  • ธนาคารแห่งประเทศไทยสำนักงานภาคเหนือ แถลงภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคเหนือ ไตรมาส 3/2565 โดยพบว่าเศรษฐกิจภาคเหนือมีการเร่งตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญคือ ภาคการท่องเที่ยวที่มีการขยายตัว จากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางเข้ามาภาคเหนือมากขึ้น มีสัดส่วนสูงถึง 90% หลังจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 และนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ พร้อมคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือไตรมาส 4/2565 คาดว่าปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคบริการและการท่องเที่ยว ประกอบกับด้านแรงงานที่ทยอยฟื้นตัว และรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้การบริโภคฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้ยังมีปัจจัยกดดันจากค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ผลผลิตอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกคาดว่าทรงตัวจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง



ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

 

Tags : ข่าวทอง, ข่าวทองคำ, ทองคำ, ราคาทองคำ

 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com