• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 29 กันยายน 2565

    29 กันยายน 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ



  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 30 ดอลลาร์ในวันพุธ โดยได้แรงหนนุจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

 

  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 30.74 เหรียญ หรือ 1.89% มาอยู่ที่ระดับ 1,659.69 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 33.8 เหรียญ หรือ 2.07% ปิดที่ 1,670 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 54.3 เซนต์ หรือ 2.96% ปิดที่ 18.88 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 940.86 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ขายสุทธิ 32.51 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 34.8 ตัน

 

  • นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก DailyFX ระบุว่า หากมองไปที่ปัจจัย (1) ความคาดหวังว่าเฟดจะปรับดอกเบี้ยในอัตราที่มากขึ้น (2) การรับรู้ราคาของตลาดในประเด็นเฟดใช้นโยบายการเงินเข้มงวด (3) ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า (4) อัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่ปรับสูงขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ 

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง



  • ดัชนีดอลลาร์  ปรับตัวลดลง -1.17 จุด หรือ -1.04% มาอยู่ที่ระดับ 113.01 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.206% มาอยู่ที่ระดับ 3.739% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 4.139% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.4%

 

  • ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) เข้าแทรกแซงตลาดพันธบัตรหลังจากตลาดพันธบัตรเผชิญแรงเทขายอย่างหนักหลังการประกาศแผนนโยบายการคลัง โดยธนาคารกลางอังกฤษจะพักแผนการขายพันธบัตรป้แงกันเงินเฟ้อที่จะเริ่มในสัปดาห์หน้า และเปลี่ยนมาซื้อพันธบัตรระยะยาวแทนเป็นการชั่วคราว เพื่อลดความผันผวนของตลาดพันธบัตร

 

  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ส่งสัญญาณบีโออีจะไม่จัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อปรับขึ้นดอกเบี้ย จนกว่าจะถึงรอบประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 3 พ.ย.

 

  • ประธานเฟดสาขามินนีอาโพลิส นีล คาชคารี, ประธานเฟดสาขาชิคาโก ชาร์ล อีแวนส์ และประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ เจม บุลลาร์ด ต่างให้ความเห็นสอดคล้องกัน ตอกย้ำยืนยันที่จะมุ่งมั่นในการควบคุมเงินเฟ้อ

 

  • ประธานเฟดสาขาชิคาโก ชาร์ล อีแวนส์ ระบุว่า เฟดอาจมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับระหว่าง 4.50-4.75%

 

  • นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเวลส์ ฟาร์โก คาดการณ์ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมกันราว 1.75% ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงต้นปีหน้า ซึ่งจะส่งผลให้กรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะพุ่งขึ้นแตะ 4.75-5.00% ก่อนสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2023 ซึ่งปัจจุบัน กรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.00-3.25% ทั้งนี้เป็นการปรับคาดการณ์เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยคาดไว้ที่จะปรับขึ้น 1.00% ในช่วงกรอบเวลาเดียวกัน

 

  • นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเวลส์ ฟาร์โก คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ 3.75-4.00% ในการประชุมวันที่ 2 พ.ย. และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 14 ธ.ค. 

 

  • นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ระบุว่า เฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อได้เห็นสัญญาณแรกที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ แต่เฟดจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงใกล้สิ้นปีหน้า

 

  • นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า ECB ต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ แม้ว่าผลข้างเคียงของการคุมเข้มนโยบายการเงินนั้น จะเป็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงก็ตาม

 

  • กรรมการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เห็นพ้องกันว่า ผลกระทบด้านเงินเฟ้อจากการเคลื่อนตัวผันผวนรุนแรงของค่าเงินเยนต้องถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิด แต่ผู้กำหนดนโยบายก็ย้ำความตั้งใจของพวกเขาที่จะคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป แม้การดิ่งลงของเยนสร้างความวิตกในตลาดการเงินก็ตาม ทั้งนี้รายงานระบุว่า กรรมการบีโอเจแทบไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องจัดการกับการร่วงลงของเยนผ่านการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ



  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันพุธ โดยได้ปัจจัยบวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลดลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยไม่จำกัดจำนวนเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาด ทั้งนี้ การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรช่วยหนุนหุ้นทุกกลุ่ม รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย

 

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,683.74 จุด พุ่งขึ้น 548.75 จุด หรือ +1.88%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,719.04 จุด เพิ่มขึ้น 71.75 จุด หรือ +1.97% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,051.64 จุด เพิ่มขึ้น 222.13 จุด หรือ +2.05%

 

  • ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยว่าเอดีบีมีแผนที่จะจัดหาเงินทุนอย่างน้อย 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงปี 2565-2568 ให้แก่โครงการสนับสนุนการบรรเทาวิกฤติด้านอาหารในเอเชียและแปซิฟิก

 

  • นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐกำลังจับตาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของอังกฤษ หลังจากรัฐบาลอังกฤษประกาศแผนการคลังซึ่งส่งผลให้เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์

 

  • BRC เปิดเผยว่า ราคาสินค้าตามร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตของอังกฤษเพิ่มขึ้น 5.7% ซึ่งพุ่งสูงขึ้นจากที่ขยายตัวไป 5.1% ในช่วง 12 เดือนถึงเดือนส.ค. นำโดยราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนถึง 10.6% เนื่องจากสงครามในยูเครนทำให้ต้นทุนอาหารสัตว์ ปุ๋ย และน้ำมันพืชพุ่งสูงขึ้น

 

  • นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ออกมาเรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่นยกระดับความร่วมมือ เนื่องจากชิปมีความสำคัญมากขึ้นในการรับประกันความมั่นคงและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

 

  • นายซู เจี้ยนหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไต้หวันเปิดเผยว่า ภาวะเงินทุนไหลออกเป็นปรากฏการณ์ชั่วคราวเท่านั้น โดยไต้หวันมีความสามารถเพียงพอที่จะรักษาเสถียรภาพในตลาดเงิน เนื่องจากมีเงินสำรองระหว่างประเทศจำนวนมาก

 

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน



  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพุธ หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันยังคงฟื้นตัว นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนเอียน (Ian) ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันนอกชายฝั่งของสหรัฐ

 

  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 3.65 ดอลลาร์ หรือ 4.7% ปิดที่ 82.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 3.05 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 89.32 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

  • ฝ่ายวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีหน้าลงเฉลี่ย 17.5 เหรียญต่อบาร์เรล เนื่องจากคาดว่าอุปสงค์จะชะลอตัวลง และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น แต่ความผิดหวังต่ออุปทานโลกยังคงหนุนมุมมองเชิงบวกในระยะยาว

 

 

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ


 

  • คณะผู้นำของรัสเซียประกาศชัยชนะในการทำประชามติผนวก 4 แคว้นของยูเครน โดย 99.23% ของผู้ออกเสียงเห็นชอบในการผนวกเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ท่ามกลางกระแสประณามจากองค์การสหประชาชาติ (UN) หลังเผชิญความปราชัยอันน่าอดสูในสมรภูมิรบอย่างต่อเนื่อง

 

  • นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า การรั่วไหลของท่อส่งก๊าซนอร์ด สตรีม (Nord Stream) เกิดจากการก่อวินาศกรรม และเตือนว่าอาจจะมีการตอบโต้ขั้นรุนแรงที่สุด หากโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยุโรปถูกโจมตี

 

  • รัฐบาลตาลีบันของอัฟกานิสถานลงนามในข้อตกลงกับรัสเซียเพื่อนำเข้าเชื้อเพลิงและข้าวสาลีในราคาลดพิเศษ หลังอัฟกานิสถานประสบปัญหาในการดูแลปากท้องของประชาชนและพยายามส่งเสริมการค้าภายในภูมิภาค

         

ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด


 

  • สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 637 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมแล้วจนถึงวันนี้ 4,680,470 ราย ยอดผู้ติดเชื้อนอกโรงพยาบาล (ATK) ระหว่างวันที่ 18-24 ก.ย.2565 จำนวน 81,258 ราย สะสม 8,117,241 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 10 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 11,057 ราย ขณะที่ ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 32,755 ราย

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท



  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ ที่ระดับ 37.93 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 38.30 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 37.85-38.15 บาทต่อดอลลาร์

 

  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จาก 0.75% เป็น1.00 %ต่อปี จากภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อใกล้เคียงกับที่ได้ประเมินไว้ก่อนหน้า พร้อมคงเป้าจีดีพี ปีนี้โต 3.3% และปีหน้าที่ระดับ 3.8% นอกจากนี้คาดเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้ที่ระดับ 6.3 % และเงินเฟ้อพื้นฐานที่ระดับ 2.6% จึงเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปเข้าสู่ระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว

 

  • นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมวาระเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือนตุลาคม เรืองเก็บค่าเหยียบแผ่นดินนักท่องเที่ยวต่างชาติ เริ่มต้นปี 2566 เบื้องต้นคาดอัตราการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทางบกอยู่ที่ 100-200 บาท ทางอากาศประมาณ 300 บาท

 

  • นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย (KTB) ระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาทในระยะสั้นยังคงเป็นทิศทางอ่อนค่า จากปัจจัยหลักของการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่จากทิศทางบวกในช่วงปลายปีนี้ หลังจากที่เปิดประเทศและมีการเดินทางท่องเที่ยวต่าง ๆ มากขึ้น รวมถึงปลายปีเข้าสู่ Peak Season ของการท่องเที่ยวและค่าขนส่ง ค่าระวางเรือที่เริ่มมีการปรับลดลง ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยจะเริ่มขาดดุลน้อยลง ทำให้มองว่าในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปี 2566 คาดว่าเงินบาทอาจจะกลับมาแข็งค่าได้บ้าง คาดว่า 35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีโอกาสเห็นได้ แต่ระดับ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือต่ำกว่านั้นอาจจะยากหน่อยในสถานการณ์ปัจจุบัน

 

  • กระทรวงอุตสาหกรรม รายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ส.ค. อยู่ที่ 99.28 ขยายตัว 14.52% จากปีก่อนหน้า ส่งผลให้ 8 เดือนแรกของปี 2565 MPI เฉลี่ยอยู่ที่ 99.81 ขยายตัว 2.72% จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยฟื้นดีมานต์ในประเทศ

 

  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย บริษัทตั้งใหม่เดือนส.ค.65 ฟื้นตัว มีจำนวน 7,418 ราย เพิ่ม 33% หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาเต็มรูปแบบ คาดช่วงที่เหลือบริษัทตั้งใหม่ยังมีแนวโน้มดี แต่จะชะลอตัวลงช่วงไตรมาส 4

 



ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews, CNBC

 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com