• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 21 กันยายน 2565

    21 กันยายน 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ



  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมครั้งนี้


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -11.04 เหรียญ หรือ -0.66% มาอยู่ที่ระดับ 1,664.68 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 7.1 เหรียญ หรือ 0.42% ปิดที่ 1,671.1 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 17.5 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 19.183 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 4.63 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 953.32 ตันภาพรวมเดือนกันยายน ขายสุทธิ 20.05 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 22.34 ตัน


  • นักกลยุทธ์จาก IG Market ระบุว่า ยิ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นและค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จากการที่เฟดยกระดับการใช้นโยบาบการเงินเข้มงวด จะยังคงกดดันราคาทองคำต่อไป นอกจากนี้ หากเฟดส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินเข้มงวดกว่าที่ตลาดคาด อาจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ในะดับที่สูงอีกเป็นเวลานาน

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง



  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.58 จุด หรือ 0.53% มาอยู่ที่ระดับ 110.16 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวขึ้น 0.073% มาอยู่ที่ระดับ 3.567% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 3.969% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.402%


  • รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.8% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดเมื่อเทียบรายปีในรอบเกือบ 8 ปี ขณะที่แรงกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และเยนที่อ่อนค่ากระจายในวงกว้าง ในขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นสูงเกินเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มา 5 เดือนติดต่อกันแล้ว แต่บีโอเจอาจจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างและการอุปโภคบริโภคยังย่ำแย่อยู่


  • ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของ Vanguard คาดการณ์ว่า การปรับเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรใกล้ที่จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว พร้อมระบุว่า ยิ่งเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวมากเพียงใด ก็ยิ่งมีความเป็นไปได้มากเพียงนั้นที่เศรษฐกิจสหรัฐจะตกต่ำลงอย่างรุนแรง และเราก็รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำลง เรารู้ว่าเฟดจะปรับเปลี่ยนนโยบายอย่างรวดเร็วเมื่อถึงเวลานั้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรก็จะเริ่มปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัดอีกครั้ง


  • รองประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า จำนวนที่แน่นอนของการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกของอีซีบีจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่จะออกมา โดยระบุว่า "นโยบายการเงินพยายามที่จะต่อสู้กับเงินเฟ้อเสมอ จะมีผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค และการลงทุนของภาคเอกชน และการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ เงินเฟ้อเป็นความเจ็บปวดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับประชากรในยุโรป"


  • ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ในวันนี้ โดยระบุว่า RBA มีแผนที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก เพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง อย่างไรก็ดี RBA มีแนวโน้มที่จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับปกติมากขึ้น


  • ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า เงินฝากสกุลเงินต่างประเทศของเกาหลีใต้ลดลงในเดือนส.ค. เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ พากันถอนสกุลเงินดอลลาร์เพื่อเป็นทุนในการนำเข้าสินค้า

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ



  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่อีกครั้งในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากสัญญาณบ่งชี้ว่าบริษัทรายใหญ่ของสหรัฐกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาเงินเฟ้อ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,706.23 จุด ร่วงลง 313.45 จุด หรือ -1.01%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,855.93 จุด ลดลง 43.96 จุด หรือ -1.13% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,425.05 จุด ลดลง 109.97 จุด หรือ -0.95%


  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐของธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์กล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐที่มีขนาด 20 ล้านล้านดอลลาร์จะไม่ปรับเปลี่ยนทิศทางภายในเวลาอันรวดเร็ว" และเขากล่าวเสริมว่า "จะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งก่อนที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ดี นโยบายการเงินมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะที่จำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจ"


  • ประธานธนาคารโลกระบุว่า การที่จีนไม่เต็มใจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มในช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวเช่นปัจจุบันนั้น กำลังเพิ่มแรงกดดันต่อสหรัฐในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจระหว่างประเทศ


  • ราคาขนมปังพุ่งขึ้นเกือบ 20% ในสหภาพยุโรป (EU) ในเดือนส.ค. ขณะที่การทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนซึ่งทั้งสองประเทศเป็นผู้ส่งออกธัญพืชและปุ๋ยรายใหญ่นั้น ยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง และทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเร่งตัวขึ้น


  • การท่าเรือแห่งยูเครน (USPA) เปิดเผยว่า ปริมาณการส่งออกสินค้าเกษตรของยูเครนภายใต้ข้อตกลงการส่งออกธัญพืชนั้นแตะระดับ 3.9 ล้านตัน


  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า สินทรัพย์ของภาคครัวเรือนญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับ 2,007 ล้านล้านเยน (14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบรายปี และเป็นระดับสูงสุดอันดับสอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนฟื้นตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน



  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความกังวลที่ว่าการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.28 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 84.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.38 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 90.62 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • จีนนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบรายปี โดยที่จีนเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย


  • กระทรวงพลังงานสหรัฐจะเสนอขายน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐเพิ่มเติม ก่อนสหภาพยุโรป (EU) สั่งแบนการนำเข้าน้ำมันส่วนใหญ่จากรัสเซียในเดือนธ.ค.


  • รัสเซียกำลังพิจารณาที่จะปรับเพิ่มภาษีธุรกิจน้ำมันและก๊าซอีกประมาณ 3 ล้านล้านรูเบิล (5 หมื่นล้านดอลลาร์) ในปี 2566-2568 เพื่ออุดช่องว่างด้านงบประมาณ


  • อิหร่านเตรียมซื้อก๊าซวันละ 9 ล้านลูกบาศก์เมตรจากรัสเซียผ่านทางอาเซอร์ไบจาน โดยกระทรวงน้ำมันอิหร่านได้ประกาศแผนดังกล่าวในรายงานชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งบริษัทน้ำมันแห่งชาติอิหร่าน (NIOC) ได้ตกลงกันไว้กับบริษัทก๊าซพรอมของรัฐบาลรัสเซียเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา


  • นักวิเคราะห์จาก OANDA ระบุว่า ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากความกลัวที่ธนาคารกลางจะใช้นโยบายการเงินเข้มงวด ส้รางความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะอ่อนแอลง และหากเป็นเช่นนั้นจะกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันโดยภาพรวม


  • นักวิเคราะห์จาก ANZ บ่งชี้ว่า การยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ในเมืองเฉิงตูและต้าเหลียนของจีนในวันจันทร์ที่ผ่านมา ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของความต้องการใช้น้ำมันของประเทศที่เป็นผู้บริโภคมากที่สุดเป็นอันดับที่สองของโลก

 

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ

 

  • นางไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวันเปิดเผยว่า ไต้หวันภูมิใจในความพยายามของตนเองที่จะช่วยเหลือยูเครนในการป้องกันประเทศ และความพยายามดังกล่าวยังคงต้องดำเนินต่อไป ทั้งนี้ ไต้หวันบริจาคเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์เพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และไต้หวันยังร่วมมือกับชาติตะวันตกในการคว่ำบาตรรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียรุกรานยูเครนในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา

         

ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด



  • สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,129 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 4,675,532 ราย ยอดผู้ติดเชื้อนอกโรงพยาบาล (ATK) ระหว่างวันที่ 11-17 ก.ย.2565 จำนวน 95,966 ราย สะสม 8,035,983 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 13 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 10,970 ราย ขณะที่ ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 32,668 ราย


  • ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) เผยว่า ยอดผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงที่ได้รับการยืนยันทั่วประเทศแตะที่เกือบ 24,000 ราย เมื่อนับถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีจำนวนผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงมากที่สุด อยู่ที่ 4,656 ราย ตามมาด้วยนิวยอร์กที่ 3,755 ราย และฟลอริดาที่ 2,398 ราย


  • นายจอห์น ลี ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงและเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของรัฐบาลฮ่องกงได้บรรลุฉันทมติในการยกเลิกมาตรการกักตัวในโรงแรมสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าสู่ฮ่องกง


  • ญี่ปุ่นเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนให้แก่ประชาชนเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 7

 

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท



  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ ที่ระดับ 37.04 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.97 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.90-37.10 บาทต่อดอลลาร์


  • นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดรายได้รวมท่องเที่ยวปี 2565 เหลือเพียง 1.08 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 6% ของจีดีพีประเทศ ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมกว่า 4 แสนล้านบาท


  • สถิติการท่องเทียววันที่ 17 ก.ย.2565 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยสะสม 5.43 ล้านคน ดังนั้นในช่วง 3 เดือนสุดท้าย คาดจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยประมาณ 1.5 ล้านคนต่อเดือน ส่งผลให้ทั้งปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 10 ล้านคนตามเป้าหมาย

 

ที่มาจาก : Reuters, Infoquest, BangkokBizNews

 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com