• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 23 สิงหาคม 2565

    23 สิงหาคม 2565 | Gold News

 ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันจันทร์ โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -3.97 เหรียญ หรือ -0.23% มาอยู่ที่ระดับ 1,755.9 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 14.5 เหรียญ หรือ 0.82% ปิดที่ 1,748.4 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 19.1 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 18.878 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.45 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 987.56 ตันภาพรวมเดือนสิงหาคม ขายสุทธิ 18.31 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 11.9 ตัน


  • นักวิเคราะห์จาก ACY Securities ชี้ว่า การที่ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ ในขณะเดียวกันก็มีแรงขายในสินทรัพย์ประเภทอื่นโดยทั่วทั้งตราสารหนี้ หุ้น และอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินอื่นๆ


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง

 

  • ดัชนีดอลลาร์  ปรับตัวลดลง -0.02 จุด หรือ -0.02% มาอยู่ที่ระดับ 108.93 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวขึ้น 0.008% มาอยู่ที่ระดับ 3.026% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 3.317% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.291%


  • ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยปรับลดอัตรากู้ยืมห้าปีลง 0.15% จาก 4.45% สู่ระดับ 4.30% และปรับลดอัตรากู้บืมหนึ่งปีลง 0.05% จากระดับ 3.70% ลงสู่ระดับ 3.65% ทั่้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งเกิดขึ้นต่อเนื่องหลังการปรับลดดอกเบี้ยลงในวันจันทร์ของสัปดาห์ก่อนหน้า


  • นักวิเคราะห์และเศรษฐศาสตร์ต่างเชื่อว่า ทางการจีนจะสนับสนุนเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยจะปล่อยให้เกิดความแตกต่างของนโยบายการเงินมากขึ้นเทียบกับประเทศอื่นๆที่กำลังปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย


  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ค่าเงินยูโรร่วงแตะระดับ 0.99945 ยูโรต่อดอลลาร์ในช่วงสั้น ๆ เมื่อวานนี้ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค. 


  • ประธานธนาคารกลางเยอรมนี หรือบุนเดสแบงก์กล่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อไป แม้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเยอรมนีก็ตาม ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะยังคงสูงอย่างน่าวิตกต่อไปจนถึงปี 2023


  • นักวิเคราะห์จาก ING ระบุว่า จากข้อมูลเศรษฐกิจของยุโรปและจีนที่อ่อนตัวลงในสัปดาห์นี้ และยังไม่ทีท่าว่าการปรับขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติจะสิ้นสุดลง จึงคาดว่าดอลลาร์จะยังสามารถยืนระดับต่อไปได้ในสัปดาห์นี้


  • นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 25-27 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ของเฟด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 600 จุดในวันจันทร์ โดยหุ้นทุกกลุ่มในตลาดดิ่งลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,063.61 จุด ร่วงลง 643.13 จุด หรือ -1.91%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,137.99 จุด ลดลง 90.49 จุด หรือ -2.14% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,381.57 จุด ร่วงลง 323.64 จุด หรือ -2.55%


  • ประธานธนาคารกลางเยอรมนี กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อย่ำแย่ลงอีก และการเพิ่มขึ้นของราคาในเยอรมนีก็อาจสูงเกิน 10% ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า "มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่อัตราเงินเฟ้อจะสูงกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ และจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 6% ในปีหน้า" โดยเขาระบุถึงความเสี่ยงในช่วงขาขึ้นครั้งใหญ่ต่อการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อก่อนหน้าที่บุนเดสแบงก์ระบุไว้ที่ 4.5% สำหรับปีหน้า และเขายอมรับว่า เศรษฐกิจของเยอรมนี ซึ่งมีความเสี่ยงที่สุดต่อปัญหาขัดข้องที่เกิดขึ้นกับการจัดส่งก๊าซจากรัสเซีย อาจจะเผชิญกับภาวะถดถอยในช่วงฤดูหนาว 


  • นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ระบุว่า ธนาคารกลางจะไม่ทำให้ประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก เกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีข้างหน้า ทั้งนี้ ทำการสำรวจใน 9 ประเทศหลักที่ใช้นโยบายการเงินเข้มงวดอย่างประเทศเกิดใหม่ในกลุ่มลาตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก รวมถึงนิวซีแลนด์ ซึ่งไม่พบสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัวโดยมีตลาดแรงงานที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจไว้


  • นอกจากนี้ นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ให้เหตุผลสนับสนุน 3 ปัจจัยหลัก (1) มีงบดุลที่แข็งแกร่ง จากการมีเงินออมส่วนเกินในระบบ และการเติบโตของสินเชื่อผู้บริโภคสูง (2) ความต้องการแรงงานยังคงมีอยู่ ซึ่งสนับสนุนกับเติบโตของเศรษฐกิจหลายภาคส่วน (3) การเปิดประเทศ ช่วยหนุนเศรษฐกิจ 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน



  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณพร้อมปรับลดกำลังการผลิตเพื่อรับมือกับความท้าทายในตลาด


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 54 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 90.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.25% ปิดที่ 96.48 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • จีนยังคงเดินหน้าขยายการพึ่งพาพลังงานของรัสเซียอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณการซื้อน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมัน ก๊าซ และถ่านหินเพิ่มขึ้นแตะ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์นับตั้งแต่สงครามในยูเครนเปิดฉาก ซึ่งปรับตัวขึ้นจากประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ของปีก่อน


  • นักวิเคราะห์จาก Nomura Securities ระบุว่า ความกลัวเศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นสาเหตุเบื้องหลังของการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน และค่าเงินดอลลาร์ที่ปรับสูงขึ้นเองก็เพิ่มแรงขายน้ำมัน


  • นักวิเคราะห์จาก Nissan Securities ระบุว่า การจำกัดารใช้พลังงานของจีนในบางมณฑล สร้างความกังวล(ต่อราคาน้ำมัน) เนื่องจากอาจกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ


  • ราคาก๊าซธรรมชาติ (LNG) ของเอเชียปรับตัวขึ้นเพิ่มเติม หลังมีความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นว่า การที่รัสเซียประกาศซ่อมบำรุงท่อขนส่งก๊าซไปยังยุโรปนั้น จะทำให้อุปทานโลกตึงตัวมากยิ่งขึ้น


  • สมาคมท่อส่งแคสเปียน (CPC) เปิดเผย บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ อาทิ เอ็กซอนโมบิล และเชฟรอน จะต้องปรับลดการส่งออกน้ำมันจากคาซัคผ่านรัสเซียอีกครั้ง เนื่องจากอุปกรณ์ได้รับความเสียหาย ท่ามกลางภาวะติดขัดด้านการจัดส่งอุปทานพลังงานจากรัสเซียไปยังยุโรป โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1% ของน้ำมันโลก

ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ

 

  • เกาหลีใต้และสหรัฐได้เริ่มการฝึกซ้อมรบประจำปีเมื่อวานนี้ ซึ่งรวมถึงการซ้อมรบภาคสนามขนาดใหญ่ที่ถูกระงับเป็นเวลาหลายปี จากรายงานระบุว่า การซ้อมรบประจำปีหรือที่เรียกว่า “Ulchi Freedom Shield” (UFS) เป็นการฝึกซ้อมในช่วงฤดูร้อน โดยจะมีการซ้อมรบภาคสนามขนาดใหญ่ และจะดำเนินการจนถึงวันที่ 1 ก.ย.


  • สหรัฐจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) ซึ่งเป็นการประชุมที่เกี่ยวข้องกับ 14 ประเทศรวมถึงญี่ปุ่นและสหรัฐ โดยคาดว่าการประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นที่เมืองลอสแอนเจลิสในเดือนหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการเจรจาภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวซึ่งนำโดยสหรัฐ


  • ทำเนียบขาวของสหรัฐเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ควรเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 ซึ่งจะจัดขึ้นที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซียในเดือนพ.ย.นี้ หากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เข้าร่วมด้วย

        

ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด


  • สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,488 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 2,413,764 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 4,637,199 ราย เสียชีวิตอีก 26 ราย เสียชีวิตสะสม 32,081 ราย


  • จีนพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงสุดในรอบ 3 เดือน และจีนกำลังพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อช่วงต้นปี เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 1,824 รายในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน โดยเกาะไหหลำ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้จีน พบผู้ติดเชื้อ 426 ราย ซึ่งมากที่สุดในบรรดาจังหวัดที่พบการติดเชื้อ ขณะที่การแพร่ระบาดยังคงลุกลามในซินเจียงและทิเบต

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ ที่ระดับ 36.14 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.08 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.05-36.25 บาทต่อดอลลาร์


  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 35.60-36.20 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 35.66 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 35.25-35.78 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวต่อไป


ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest

 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com