• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 18 สิงหาคม 2565

    18 สิงหาคม 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในวันพุธ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -1.36 เหรียญ หรือ -0.08% มาอยู่ที่ระดับ 1,774.17 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 13 เหรียญ หรือ 0.73% ปิดที่ 1,776.70 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 35.4 เซนต์ หรือ 1.76% ปิดที่ 19.731 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 12 เหรียญ หรือ 1.29% ปิดที่ 919.30 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 3.19 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 989.01 ตันภาพรวมเดือนสิงหาคม ขายสุทธิ 16.86 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 13.35 ตัน


  • นักวิเคราะห์จาก Standard Chartered ชี้ว่า ตลาดทองคำมองรายงานการประชุมเฟดว่ามีทิศทางผ่อนคลายและส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเล็กน้อย(ในช่วงเฟดรายงานการประชุม) 
    • แต่หลังจากรายงานการปรัชุม ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อ เนื่องจาก ภาพรวมของวันนั้น ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า กดดันราคาทองคำ
    • นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่า เฟดจะรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนกัยายนนี้ และความสนใจของตลาดจะเปลี่ยนไปที่การรายงานตัวเลขดัชนีราคผู้บริโภค (CPI data) ประจำเดือนสิงหาคมและรายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non-farm payroll) ประจำเดือนกันยายน ซึ่งจะเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อชะลอตัวหรือไม่ และตลาดแรงงานอ่อนตัวลงหรือไม่

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง

 

  • ดัชนีดอลลาร์  ปรับตัวลดลง -0.1 จุด หรือ -0.09% มาอยู่ที่ระดับ 106.57 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.025% มาอยู่ที่ระดับ 2.875% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 3.268% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ -0.393%


  • รายงานการประชุมเฟด บ่งชี้ว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวลงอย่างมากเพียงพอ 
    • รายงานไม่ได้ระบุให้แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ระบุว่า จะพิจารณาข้อมูลก่อนดำเนินการตัดสินใจ
    • รายงาน ระบุว่า ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.25 -2.50% เป็นระดับเป็นกลาง(Neutral)” ซึ่งไม่สนับสนุนและไม่กดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ผู้เข้าประชุมบางท่านชี้ว่า การใช้นโยบายระดับเข้มงวด เป็นเรื่องที่เหมาะสม
    • ผู้ประชุมให้ความเห็นในรายงานการประชุมว่า การใช้นโยบายการเงินเข้มงวดเป็นเรื่องที่เหมาะสม โดยเมื่อไปถึงจุดหนึ่ง จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย ในขณะเดียวกันก็ประเมินผลกระทบสะสมของการปรับใช้นโยบายที่ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ
    • ผู้ประชุมให้ความเห็นในรายงานการประชุมว่า คณะกรรมการกำลังเผชิญความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญที่เงินเฟ้อจะฝังลงเศรษฐกิจ ถ้าสาธารณะตั้งคำถามว่าคณะกรรมแก้ปัญหาด้วยการปรับท่าทีนโยบายอย่างเพียงพอหรือไม่ และหากความเสี่ยงนั้นเริ่มเป็นจริง จะเป็นงานที่ยากที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับลดสู่ระดับ 2% และจะเพิ่มต้นทุนทางเศรษฐกิจสูงขึ้นอย่างมากในการปรับลดอัตราเงินเฟ้อสู่ระดับ 2%


  • นักวิเคราะห์จาก High Ridge Futures ระบุว่า เรายังเห็นว่า เฟดยังคงยืนยันที่จะต่อสู้กับเงินเฟ้อด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ระดับความเร็วในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงข้างหน้า ของเฟดยังคงเป็นคำถาม


  • นักวิเคราะห์จากบริษัทสปาร์ตัน แคปิตอล ซิเคียวริตีส์กล่าวว่าเฟดยังคงมีจุดยืนในการดำเนินนโยบายการเงินแบบสายเหยี่ยว (Hawkish) แต่ในขณะเดียวกันเฟดก็เปิดประตูให้กับโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย. มากกว่าที่จะปรับขึ้นรุนแรงถึง 0.75%”


  • กรรมการผู้จัดการจากบริษัทเมดลีย์ โกลบอล แอดไวเซอร์กล่าวว่า นายพาวเวลจะใช้การกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีประชุมแจ็กสัน โฮลปีนี้ เพื่ออัปเดตให้ตลาดรับรู้แนวทางการดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินในวันข้างหน้า และเฟดตระหนักว่าแรงกดดันด้านราคาถือเป็นปัญหาใหญ่ที่เฟดไม่อาจละสายตาได้ และคาดว่า เฟดจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจในการปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบเชิงรุก แม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐเริ่มชะลอตัวลงแล้วก็ตาม โดยแม้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่อ่อนแรงลงจะทำให้ตลาดลดการคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด


  • อดีตเทรดเดอร์อาวุโสของเฟดกล่าวว่า ไม่ว่านายพาวเวลจะพูดอะไรเกี่ยวกับการปรับลดงบดุลบัญชีของเฟดซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 9 ล้านล้านดอลลาร์ คำพูดนั้นจะดึงดูดความสนใจของนักลงทุนทันที นั่นเป็นเพราะว่า นักลงทุนเล็งเห็นผลกระทบที่จะตามมา เช่น การไหลออกของสภาพคล่อง และปฏิบัติการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบเชิงรุก


  • นักวิเคราะห์จากแบงเกอร์ ทรัสต์ ออสเตรเลีย ระบุว่า เมื่อพิจารณาจากดัชนี CPI ของสหรัฐที่ชะลอตัวลงในเดือนก.ค.แล้ว คาดว่านายพาวเวลไม่น่าจะออกตัวแรงมากนักเกี่ยวกับการส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และอาจจะแค่พูดถึงแนวทางของคณะกรรมการเฟดในเรื่องการลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่ระดับที่สามารถควบคุมได้


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,980.32 จุด ลดลง 171.69 จุด หรือ -0.50%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,274.04 จุด ลดลง 31.16 จุด หรือ -0.72% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,938.12 จุด ลดลง 164.43 จุด หรือ -1.25%


  • ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายการปรับลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวดัดแปลงมาจากร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีชื่อว่า “Build Back Better” ที่ปธน.ไบเดนและพรรคเดโมแครตได้ริเริ่มขึ้นในปีที่แล้ว


  • กฎหมายการปรับลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) ครอบคลุมถึงการลงทุนมูลค่า 4 แสนล้านดอลลาร์เพื่อต่อสู้กับปัญหาโลกร้อน, มาตรการต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อยาตามใบสั่งแพทย์ได้ในราคาที่ถูกลง และการจัดเก็บภาษีขั้นต่ำในอัตรา 15% จากบริษัทส่วนใหญ่ที่มีรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะช่วยสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลสหรัฐเกือบ 3 แสนล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 10 ปี 


  • รายงานเงินเฟ้อสหราชอาณาจักรแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี โดยรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคสหราชอาณาจักรประจำเดือนกรกฎาคมปรับสูงขึ้น 10.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 9.8% และสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 9.4%


  • เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวลดลงเล็กน้อยจากการประเมินเบื้องต้นในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ สำนักงานสถิติยุโรปรายงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของยูโรโซน ซึ่งประกอบด้วย 19 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรร่วมกัน ปรับตัวขึ้น 0.6% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส และปรับขึ้น 3.9% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ก่อนหน้านี้ยูโรสแตทประมาณการว่า จีดีพีของยูโรโซนขยายตัว 0.7% เมื่อเทียบรายไตรมาส และ 4.0% เมื่อเทียบรายปี


  • สำหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 นี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลมาจากความแข็งแกร่งของอิตาลีและสเปน ซึ่งเศรษฐกิจขยายตัว 1.0% และ 1.1% เมื่อเทียบรายไตรมาส แม้จะเกิดภาวะซบเซาในเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของยูโรโซน

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (17 ส.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 88.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 1.42% ปิดที่ 93.65 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังมีรายงานว่ารัสเซียเริ่มปรับเพิ่มการผลิตน้ำมัน หลังจากกลุ่มผู้ซื้อในเอเชียสั่งซื้อน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทำให้รัสเซียมีรายได้จากการส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้น 38% ในปีนี้


  • หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Fujitomi Securities ระบุว่า ปริมาณน้ำมันคงคลังของสหรัฐปรับตัวลง 2 สัปดาห์ต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนให้นักลงทุนเชื่อว่า ภาวะอุปสงค์ยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดัน มีความผันผวนที่สูง เนื่องจากความกังวลการถดถอยของเศรษฐกิจโลก


  • นักวิเคราะห์จาก OANDA ชี้ว่า ในช่วงขณะนี้ มีปัจจัยลบที่กระทบต่อราคาน้ำมันค่อนข้างหลากหลาย ได้แก่ ความกังวลเศรษฐกิจถดถอยหลังจากจีนรายงานตัวเลขเศรษฐกิจค่อนข้างแย่ และความเป็นไปได้ที่สหรัฐและอิหร่านจะสามารถเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กันได้ แต่ถึงแม้ราคาน้ำมันอาจจะปรับตัวลงอีกยาวนาน แต่เราก็ยังไม่ลืมว่า สภาวะตลาดน้ำมันยังคงตึงตัวในระยะสั้น


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองและการเมืองระหว่างประเทศ

 

  • กองทัพสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐได้ทดสอบปล่อยขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เพื่อแสดงถึงความพร้อมของกองกำลังนิวเคลียร์ของสหรัฐ โดยการทดสอบดังกล่าวเริ่มขึ้นหลังจากที่ถูกเลื่อนเมื่อต้นเดือนนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างจีนและไต้หวันที่ทวีความร้อนแรงขึ้น


  • ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ผู้นำเกาหลีใต้แถลงว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธร่อน (Cruise Missile) จำนวน 2 ลูกไปทางทะเลเหลือง (Yellow Sea) เมื่อวานนี้ ทั้งนี้ เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธร่อนครั้งแรกในเดือนม.ค.ปีนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากกองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐได้ทำการซ้อมรบแบบอุ่นเครื่อง ก่อนที่จะเริ่มซ้อมรบประจำปี


ข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด


  • สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,143 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมแล้วจนถึงวันนี้ 4,628,200 ราย ยอดผู้ติดเชื้อนอกโรงพยาบาล (ATK) ระหว่างวันที่ 7-13 ส.ค.2565 จำนวน 218,042 ราย สะสม 7,323,891 ราย  โดย วันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 29 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 10,246 ราย ขณะที่ ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 31,944 ราย


  • จีนรายงาน พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในประเทศเพิ่มอีก 566 ราย ซึ่งส่วนหนึ่งอยู่ในมณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) 482 ราย

ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ ที่ระดับ 35.47 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.42 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.35-35.55 บาทต่อ ดอลลาร์


  • เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยว่า สถิติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6 เดือน (ม.ค. – มิ.ย.) ปี 2565 ที่ผ่านมา มีโครงการขอรับส่งเสริม การลงทุน 784 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4% และมูลค่ารวม 219,710 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 42% เนื่องจากในปี 2564 มีการขอรับการส่งเสริมการผลิตพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่จำนวนมาก มีเงินลงทุนรวมสูงถึง 75,780 ล้านบาท


  • ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากประเทศ (FDI) มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนรวม 395 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 130,081 ล้านบาท โดยการลงทุนจากไต้หวันมีมูลค่าเงินลงทุนมากที่สุด 36,100 ล้านบาท เนื่องจากมีการขอรับส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน สอดคล้องกับนโยบายบีโอไอที่มุ่งให้การส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันไทยไปสู่ศูนย์กลางการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนในภูมิภา

 


ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest, กรุงเทพธุรกิจ, CNBC

 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com