• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 27 พฤษภาคม 2565

    27 พฤษภาคม 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาซื้อขายทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี  โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐยังช่วยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -1.08 เหรียญ หรือ -0.06% มาอยู่ที่ระดับ 1,852.92 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.3 ดอลลาร์ หรือ 0.07% ปิดที่ 1,847.6 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 9.5 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 21.965 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 1,069.81 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ขายสุทธิ 24.74 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 94.15 ตัน


  • ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการของ GoldSilver Central กล่าวว่า เฟดให้คำมั่นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ได้ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำเพียงเล็กน้อย และถูกเทขายทำกำไรในบางส่วน เนื่องจากตลาดรับรู้ประเด็นดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว นักลงทุนยังคงกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง


  • หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของ Tiger Brokers ชี้ว่า ราคาทองคำได้รับปัจจัยบวกจากการที่เฟดออกมายืนยันการขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.50% ในการประชุมสองครั้งถัดไปและจะรอดูผลกระทบทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การตอบสนองของราคาทองคำต่อปัจจัยดังกล่าวค่อนข้างน่าผิดหวัง


  • นักวิเคราะห์จาก ANZ ชี้ว่า แรงขายทองคำที่ทำให้ราคาทองคำทำจุดต่ำสุดในรอบสามเดือนในสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มน้อยลง ในทางกลับกัน เริ่มเห็นเงินไหลเข้ากองทุน ETF ทองคำ 


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์  ปรับตัวลดลง -0.15 จุด หรือ -0.15% มาอยู่ที่ระดับ 101.71 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.002% มาอยู่ที่ระดับ 2.754% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 2.478% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ 0.276%


  • Fed Watch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 94% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมิ.ย. 


  • นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงย้ำมุมมองของตัวเองว่า BOJ ต้องรักษานโยบายผ่อนคลายการเงินแบบพิเศษไว้ในตอนนี้ โดยคาดว่าเงินเฟ้อผู้บริโภคจะชะลอตัวลงในปีหน้าและปีต่อ ๆ ไป หลังจากที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของ BOJ ในปีนี้เนื่องจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม BOJ จะหาทางออกที่ราบรื่นจากนโยบายผ่อนคลายการเงินแบบพิเศษได้ แม้การทำเช่นนั้นจะไม่ใช่เรื่องง่าย


  • นักเศรษฐศาสตร์จาก Westpac ระบุว่า จากการที่ประเทศจีนคลายล็อกดาวน์ ธนาคารกลางยุโรปใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯจากมาตราการทางการเงินที่เข้มงวดส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์อาจเคลื่อนตัวอยู่ในช่วงระหว่าง 101-105 จุด ชั่วขณะหนึ่


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันพฤหัสบดี ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีก รวมทั้งรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,637.19 จุด พุ่งขึ้น 516.91 จุด หรือ +1.61%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,057.84 จุด เพิ่มขึ้น 79.11 จุด หรือ +1.99% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,740.65 จุด พุ่งขึ้น 305.91 จุด หรือ +2.68%


  • รายงานการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2565 หดตัวลง -1.5% เมื่อเทียบรายปี แย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์เล็กน้อยที่คาดหดตัวลง -1.4% ซึ่งการหดตัวลงเป็นผลส่วนใหญ่มาจากการขาดดุลการค้า ที่มียอดการนำเข้าสูงถึง 18.3% มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์


  • ประธานธนาคารโลกเปิดเผยว่า สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับราคาอาหารและพลังงาน รวมถึงการขาดแคลนปุ๋ยนั้น อาจเร่งให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก


  • หลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณเตือนเรื่องวิกฤตอุปทานอาหารโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัสเซียรุกรานยูเครน โดยทั้งรัสเซียและยูเครนเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรชั้นนำของโลกและส่งออกอาหารให้กับประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่


  • นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า เศรษฐกิจของจีนในบางด้านอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่กว่าในปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด ซึ่งเศรษฐกิจจีนขยายตัวเพียง 2.2% นอกจากนี้ นายหลี่ยังเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่จีนพยายามลดอัตราการว่างงานลง และทำให้เศรษฐกิจเติบโตในกรอบที่เหมาะสมในไตรมาส 2 ของปีนี้ หลังจากอัตราว่างงานในเดือนเม.ย.ของจีนพุ่งขึ้นแตะ 6.1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.หดตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563


  • สมาคมผู้ผลิตและผู้ค้ารถยนต์ (SMMT) ของอังกฤษเปิดเผยในวันนี้ว่า การผลิตรถยนต์ในเดือนเม.ย. ลดลง 11% เมื่อเทียบรายปี เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนชิปและปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากวิกฤการณ์ในยูเครน


  • ญี่ปุ่นตั้งกำหนดการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายนนี้


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี  โดยตลาดได้แรงหนุนจากการความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงวันหยุด Memorial Day รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า สมาชิกสหภาพยุโรป (EU) จะสามารถบรรลุข้อตกลงคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 3.76 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 114.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 3.37 ดอลลาร์ หรือ 3.0% ปิดที่ 117.40 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • หุ้นส่วนผู้จัดการของ SPI Asset Management กล่าวว่า ตลาดยังคงจับตามองการประชุมสุดยอดของสหภาพยุโรปที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะมีความพยายามอีกครั้งในข้อตกลงเรื่องการสั่งห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในสหภาพยุโรป


  • นาย โรเบิร์ต ฮาแบ็ค รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนี กล่าวในการเจรจากลุ่ม G7 ว่า สหภาพยุโรปยังคงสามารถบรรลุข้อตกลงการคว่ำบาตรน้ำมันต่อรัสเซียได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หรืออาจจะมองหาวิธีการอื่นหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ


  • กองทัพยูเครนเปิดเผยว่า กองกำลังรัสเซียยิงถล่มเมืองกว่า 40 แห่ง ในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน ทำให้เส้นทางอพยพหลักสำหรับพลเรือนมีความเสี่ยงที่จะถูกตัด


  • คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เตรียมลงมติในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือตามที่สหรัฐผลักดัน หลังจากที่เกาหลียิงขีปนาวุธรอบใหม่ ขณะที่จีนซึ่งสามารถใช้สิทธิยับยั้งหรือวีโต้มตินั้นระบุว่า การดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเพิ่ม จะไม่ช่วยแก้ปัญหาใด ๆ


  • รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็น ระบุว่า ประชาชนเกือบครึ่งที่ได้รับการสำรวจความคิดเห็นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลือกจีนเป็นหุ้นส่วนสำคัญที่สุดของภูมิภาคในอนาคต ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการเลือกจีนมากกว่าญี่ปุ่น ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่จีนคว้าอันดับหนึ่ง นับตั้งแต่กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นเริ่มทำการสำรวจในรูปแบบปัจจุบันในปี 2558 โดยผลสำรวจดังกล่าวอาจสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของจีน และการขยายอิทธิพลในอาเซียนผ่านการทูตวัคซีนซึ่งเป็นการจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไปยังประเทศกำลังพัฒนา


  • ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน มีคำสั่งระงับการออกฟรีวีซ่าให้แก่ชาวรัสเซีย โดยให้เหตุผลว่า จำเป็นต้องเพิ่มความปลอดภัยตามแนวชายแดนขณะที่รัสเซียยังคงรุกรานยูเครน


  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปัจจุบันพลเรือนชาวรัสเซียสามารถเดินทางเข้ายูเครนได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า สำหรับคำสั่งล่าสุดที่ออกมานั้น ปธน.เซเลนสกีระบุว่า เป็นการทำตามข้อเรียกร้องของประชาชนที่ขอให้ระงับวีซาชาวรัสเซีย


ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19


  • สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 4,837 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมแล้วจนถึงวันนี้ 4,434,511 ราย ไม่รวม ATK อีก 6,380 ราย สะสม 1,743,998 ราย อีกทั้งยังมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 29 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 8,212 ราย ขณะที่ ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 29,910 ราย


  • กรุงปักกิ่งพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เมืองหลวงของจีนแห่งนี้เผชิญกับการแพร่ระบาดเป็นเวลานานนับเดือน โดยขณะนี้การใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดในกรุงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจจีน


  • เยอรมนีเตรียมผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางเพื่อสกัดกั้นการระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงฤดูร้อน (มิ.ย.-ส.ค.) ซึ่งผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน การหายจากโรค หรือผลตรวจที่เป็นลบ (ซึ่งเรียกว่ากฎ 3G) อีกต่อไป


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ  34.20 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.10-34.30 บาทต่อดอลลาร์


  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยตลาดที่อยู่อาศัยฟื้นช้ารอแรงกระตุ้น แนวราบ-บ้านไม่เกิน 3 ลบ.ได้รับความสนใจสูง การฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยยังต้องอาศัยปัจจัยกระตุ้น โดยมาตรการภาครัฐ ทั้งมาตรการผ่อนคลายอัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาที่อยู่อาศัย (LTV) ซึ่งทำให้สามารถกู้ได้ 100% และการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท รวมถึงการจัดโปรโมชันของผู้ประกอบการ ในช่วง COVID-19 กระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยให้เร็วขึ้น



ที่มาจาก : ReutersFXstreet, Infoquest

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com