• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 4 พฤษภาคม 2565

    4 พฤษภาคม 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 3% ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 4.59 เหรียญ หรือ 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1,867.57 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 7 เหรียญ หรือ 0.38% ปิดที่ 1,870.6 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 8.1 เซนต์ หรือ 0.36% ปิดที่ 22.665 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 3.19 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,089.04 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ขายสุทธิ 5.51 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 113.38 ตัน


  • นักวิเคราะห์จาก TD Securities ชี้ว่า ราคาทองคำในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงอย่างมาก จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับสูงขึ้น และวันนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรย่อตัวลง เป็นแรงหนุนราคาทองคำ และคาดว่าราคาทองคำจะแกว่งตัวในกรอบ ทั้งนี้ ราคาทองคำได้ซึมซับข้อมูลที่ว่าเฟดใช้นโยบายการเงินเข้มงวดค่อนข้างดุดัน แต่อย่างไรก็ตาม เราจะเห็นข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แย่ลง จากนั้นตลาดจะเริ่มสงสัยกับแนวทางนโยบายการเงินเข้มงวดที่เฟดส่งสัญญาณ


  • นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank ชี้ว่า ค่าเงินดอลลาร์ปรับขึ้นสูงเมื่อเทียบกับค่าเงินรูปีของอินเดีย และค่าเงินหยวนของจีน ซึ่งเป็นสองประเทศที่ซื้อทองคำจริง(Physical gold)มากที่สุด ทำให้เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายของทองคำไปจนกว่าผู้ซื้อทองคำจะปรับตัวสู่ระดับราคาที่สูงขึ้นได้


  • หัวหน้านักกลยุทธ์ของ Tiger Brokers กล่าวว่า ราคาทองคำกำลังเผชิญความเสี่ยงแนวโน้มขาลงระยะสั้น โดยราคาทองคำจะเคลื่อนตัวอยู่แถวบริเวณ 1,810 เหรียญ ลงไปถึง 1,790 เหรียญ จากแรงกดดันของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นและการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์


  • นักวิเคราะห์จาก Fxstreets กล่าวว่า ราคาทองคำกำลังเข้าสู่การสะสมพลังในกรอบแคบแถวบริเวณ 1,860 -1,867 เหรียญในช่วงตลาดเอเชียของวันก่อนหน้า ท่ามกลางนักลงทุนยังคงรอและจับตาการตัดสินใจการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในวันพุธนี้ ส่งผลให้ราคาทองคำเผชิญแรงเทขายในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา และนักลงทุนเริ่มเปลี่ยนมุมมองตามสภาพคล่องในระยะยาว อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในรอบกว่า 10 ปี และตลาดแรงงานที่ตึงตัวได้สร้างแรงกดดันให้เฟดใช้นโยบายปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะยาว ซึ่งส่งผลให้ความต้องการทองคำลดลง และทำให้ราคาทองคำอยู่ในสภาวะผันผวนมากกว่า 1 ปี


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.16 จุด หรือ 0.15% มาอยู่ที่ระดับ 103.44 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวขึ้น 0.049% มาอยู่ที่ระดับ 2.975% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี  อยู่ที่ระดับ 2.784% และส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ อยู่ที่ระดับ 0.191%


  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2543 ที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%


  • บรรดานักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 3-4 พ.ค.นี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมครั้งนี้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี อย่างไรก็ดี นักลงทุนไม่มั่นใจว่าการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวเป็นปัจจัยฉุดตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงเป็นเวลาหลายวัน


  • นักวิเคราะห์จาก ING ชี้ว่า ดัชนีดอลลาร์ยังคงมีโอกาสปรับเพิ่มสูงขึ้นได้อีก จากความดุดันของการใช้นโยบายการเงินเข้มงวดของเฟดและความเสี่ยงจากการล็อกดาวน์ในประเทศจีน รวมถึงภาวะสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงมติการประชุมในวันพุธตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีตามเวลาไทย


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,128.79 จุด เพิ่มขึ้น 67.29 จุด หรือ +0.20%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,175.48 จุด เพิ่มขึ้น 20.10 จุด หรือ +0.48% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,563.76 จุด เพิ่มขึ้น 27.74 จุด หรือ +0.22%


  • รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนีเปิดเผยว่า บรรดาผู้บริโภคและบริษัทต่าง ๆ ในเยอรมนีควรเตรียมพร้อมรับมือกับราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นเป็นเวลานาน โดยระบุว่า มาตรการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้นสามารถช่วยได้ แต่ไม่สามารถบรรเทาผลกระทบจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การที่จีนยังคงล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้และใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเมืองอื่น ๆ อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันของจีนซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง -2.76 ดอลลาร์ หรือ -2.6% ปิดที่ 102.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง -2.61 ดอลลาร์ หรือ -2.4% ปิดที่ 104.97 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • นักวิเคราะห์จาก Commonwealth Bank ให้ความเห็นว่า ราคาน้ำมันได้รับปัจจัยบวกจากการที่ สหภาพยุโรปกำลังจะประกาศคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย แต่ก็ได้รับผลจากปัจจัยลบจากการ ล็อคดาวน์ของประเทศจีน ซึ่งทั้งสองประเด็นเป็นเรื่องที่มีผลกระทบมากทั้งคู่


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ


  • เจ้าหน้าที่สหรัฐและชาติตะวันตกระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย จะประกาศสงครามต่อยูเครนอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งเป็น "วันแห่งชัยชนะ" ของรัสเซีย โดยทหารโซเวียตรัสเซียในขณะนั้นสามารถพิชิตกองทัพนาซีในวันดังกล่าวในปี 1945


  • นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเปิดเผยว่า กองทัพรัสเซียจะไม่กำหนดวันเวลาที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน ซึ่งรวมถึงวันแห่งชัยชนะ (Victory Day) เหนือกองทัพนาซี ซึ่งตรงกับวันที่ 9 พ.ค. 


  • สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐเตือนว่ารัสเซียมีแผนที่จะผนวกดินแดนส่วนใหญ่ของยูเครนฝั่งตะวันออกในปลายเดือนพ.ค.นี้ และโรงงานผลิตเหล็กอาซอฟสตัล ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของเมืองมาริอูโพล ก็ถูกโจมตีอีกครั้งในหนึ่งวันหลังจากการอพยพพลเรือนครั้งแรกออกจากโรงงานดังกล่าว


  • สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า กองกำลังรัสเซียได้ยิงจรวดไปที่โรงงานเหล็กในเมืองมารีอูปอลของยูเครน ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่า มีพลเรือน 200 คนยังคงติดอยู่ในโรงงานเหล็ก แม้จะมีการอพยพออกไปแล้วบางส่วน ขณะที่ EU กำลังเตรียมคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มอีก


  • หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทูตของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า EU คาดหวังที่จะอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบที่ 6 ในการประชุมครั้งถัดไปของคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศของ EU นอกจากนี้คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) จะเสนอมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ในสัปดาห์นี้ รวมถึงอาจห้ามซื้อขายน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งเป็นมาตรการตัดแหล่งรายได้หลักของรัสเซีย ซึ่งทำให้ชาติสมาชิก EU มีความเห็นต่างกัน


  • นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จำเป็นต้องมีบทบาทเพิ่มขึ้น ขณะที่ยุโรปแสวงหาแนวทางลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย ทั้งนี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยให้ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึงก๊าซและน้ำมันจากรัสเซีย


ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19


  • สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,288 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,067,389 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 4,290,824 ราย เสียชีวิต 82 ราย เสียชีวิตสะสม 28,834 ราย 


  • สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี (KDCA) เปิดเผยในวันนี้ว่า เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 51,131 รายในวันจันทร์ (2 พ.ค.) ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศพุ่งขึ้นแตะระดับ 17,346,753 ราย KDCA ระบุว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันครั้งล่าสุดนี้เพิ่มขึ้นจากระดับ 20,084 รายในวันอาทิตย์ แต่ยังคงต่ำกว่าสถิติสูงสุดที่ระดับ 80,349 รายในสัปดาห์ที่แล้ว


  • บริษัท โมเดอร์นา อิงค์ ได้ประกาศผลการวิจัยทางคลินิกเบื้องต้นของวัคซีนเข็มกระตุ้นสูตร mRNA-1273.211 ซึ่งเป็นวัคซีนสูตรผสมของสายพันธุ์ดั้งเดิม และสายพันธุ์เบตา ในปริมาณที่เท่ากันอย่างละครึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรมาตรฐาน mRNA-1273 รุ่นปัจจุบัน ขนาด 50 ไมโครกรัม พบว่า วัคซีน mRNA-1273.211 ในขนาด 50 ไมโครกรัม นั้นสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอน และสายพันธุ์น่ากังวลอื่นๆ ได้แก่ เดลตาและเบตา ได้ในระดับที่สูงกว่า และระดับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่าดังกล่าว


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาท ปรับตัวขึ้น 0.004 บาท หรือ 0.00% มาอยู่ที่ระดับ 34.327 บาทต่อดอลลาร์


  • ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผย ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยไตรมาส 1/65 (ม.ค.-มี.ค.) พบว่า ไทยส่งออกรวมมูลค่า 73,601.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 14.9% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 2,401,444 ล้านบาท ขยายตัว 26.1% (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่า การส่งออกในช่วงม.ค.-มี.ค. ขยายตัว 8.7%) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 74,545.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 18.4% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 2,466,654 ล้านบาท ขยายตัว 29.9% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนม.ค.-มี.ค.ของปี 65 ขาดดุลเท่ากับ 944 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 65,210 ล้านบาท สำหรับในไตรมาส 2/65 สรท. คาดการณ์การส่งออกโต 3.5-5% โดยยังคงคาดการณ์รวมปี 65 ทั้งปีที่ 5%

 


ที่มาจาก : ReutersFXstreet, Infoquest, RYT9

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com