• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565

    1 กุมภาพันธ์ 2565 | Gold News


ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ โดยตลาดฟื้นตัวจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากราคาทองร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 7.88 เหรียญ หรือ 0.44% มาอยู่ที่ระดับ 1,797.3 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ปรับตัวขึ้น 8.3 เหรียญ หรือ 0.46% มาอยู่ที่ระดับ 1,798.2 เหรียญ
  • สัญญาซื้อขายล่วงหน้าโลหะเงิน ปรับตัวขึ้น 6.9 เซนต์หรือ 0.31% มาอยู่ที่ระดับ 22.47 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 3.49 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,017.75 ตัน ภาพรวมเดือนมกราคม ซื้อสุทธิ 42.09 ตัน


  • นักวิเคราะห์จาก Julius Baer ชี้ว่า ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันเงินเฟ้อ แต่การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเพิ่มค่าเสียโอกาสของการถือทองคำที่ไม่มีผลตอบแทน โดยการเคลื่อนไหวของราคาทองคำเป็นสิ่งบ่งชี้ที่ชัดว่า เงินเฟ้อเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ ซึ่งแรกเริ่มความกลัวเงินเฟ้อส่งผลให้ราคาทองคำมีผลการดำเนินงานที่ดี แต่หลังจากที่เฟดเผยมุมมองนโยบายการเงินพร้อมระบุถึงเศรษฐกิจที่แข็งแรง ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงต่ำกวว่าระดับ $1,800 เหรียญ


  • นักวิเคราะห์อาวุโสจาก ActivTrades ชี้ว่า การที่เฟดท่าทีเข้มงวดนโยบายการเงินมากจนเทียบไม่ได้กับธนาคารกลางอื่นๆ เป็นปัจจัยที่สนับสนุนค่าเงินดอลลาร์อย่างมาก ในขณะเดียวกันก็เป็นปัจจัยลบกดดันทองคำ


  • นักวิเคราะห์จากบริษัทไคเนซิส มันนี แสดงความเห็นว่า สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียเกี่ยวกับประเด็นยูเครนยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ดี การที่ราคาทองคำปิดต่ำกว่าระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 1,800 ดอลลาร์นั้น บ่งชี้ว่าบรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์  ปรับตัวลดลง -0.62 จุด หรือ -0.64% มาอยู่ที่ระดับ 96.65 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.005% มาอยู่ที่ระดับ 1.782%
  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ  33.20 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.29 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.10-33.30 บาทต่อดอลลาร์


  • นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์ส ว่า เฟดอาจสร้างความประหลาดใจด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง


  • นักเศรษฐศาสตร์ คาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2004 เนื่องจากต้องการประคองเศรษฐกิจจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารกลางอังกฤษได้เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลักเป็น 0.25% จากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.1%  ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปีในเดือนธ.ค. เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานที่สูงขึ้น การฟื้นตัวของอุปสงค์และปัญหาห่วงโซ่อุปทานยังคงผลักดันราคาผู้บริโภคให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.มีขึ้น ท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้ง  อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 3 ก.พ. ที่ 0.25%

  • ธปท.เผยศก.ไทย ธ.ค.64 ปรับดีขึ้น จากส่งออก-ท่องเที่ยว-ใช้จ่ายในประเทศ

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยเศรษฐกิจไทยในเดือนธันวาคม 2564 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นมาก ส่วนหนึ่งจากปัญหา supply disruption ที่ปรับดีขึ้น ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเร่งขึ้นหลังการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2564 ขณะที่การใช้จ่ายในประเทศของภาคเอกชนปรับดีขึ้น ทั้งการบริโภคและการลงทุน ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและกิจกรรมในภาคบริการปรับดีขึ้น อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนทั้งรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุน


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นเน็ตฟลิกซ์และหุ้นเทสลาที่พุ่งขึ้นกว่า 10% หลังได้รับการปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนจากนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นโบอิ้ง ซึ่งเป็น 1 ใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,131.86 จุด เพิ่มขึ้น 406.39 จุด หรือ +1.17%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,515.55 จุด เพิ่มขึ้น 83.70 จุด หรือ +1.89% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,239.88 จุด เพิ่มขึ้น 469.31 จุด หรือ +3.41%


  • Goldman Sachs ปรับลดประมาณการการเติบโตของ GDP ของสหรัฐฯในปี 2022 ลดลงเหลือ 3.2% จากเดิมที่คาดเติบโต 3.8% เนื่องจากการเติบโตของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวอย่างกะทันหันในช่วงต้นปี เนื่องจากการสนับสนุนทางการเงินเริ่มลดลงและการระบาดของโอไมครอน


  • ยอดขายบ้านในจีนเดือนมกราคมร่วงลงรุนแรง บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในจีนชี้ว่าปริมาณธุรกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนลดลงอย่างมาก เป็นการส่งสัญญาณว่าภาคอสังหาริมทรัพย์กำลังดึงเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง โดยยอดขายบ้านของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีน 100 อันดับแรกร่วงลง -39.6% ในเดือนมกราคม ร่วงมากกว่าและต่อเนื่องจากเดือนธันวาคมปีก่อนหน้าที่ -35.2%


  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีนลดลง ส่งสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยลดลงสู่ระดับ 50.1 จุด ผลสำรวจบ่งชี้การชะลอตัวในทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคการบริการ โดยหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Pinpoint Asset Management กล่าวว่า ตัวเลข PMI ที่อ่อนแอ บ่งชี้ถึง นโยบายผ่อนคลายของรัฐบาลยังไม่ได้ส่งผลไปถึงภาคเศรษฐกิจจริง จากนี้คาดว่ารัฐบาลจีนจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะการกระตุ้นทางด้านการคลัง


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ และพุ่งขึ้นกว่า 17% ตลอดเดือนม.ค. โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าตลาดน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว อันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.33 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 88.15 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 17.2% ในเดือนม.ค.
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 91.21 ดอลลาร์/บาร์เรล และพุ่งขึ้น 17.3% ในเดือนม.ค.


  • Forward curve ของน้ำมันส่งสัญญาณว่าตลาดน้ำมันตึงตัว หนุนราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น จากโครงสร้างตลาดลักษณะ Backwardation ที่ราคาปัจจุบันหรือราคา Spot อยู่สูงกว่าราคาสินค้าที่ซื้อขายในอนาคต (ราคา Forward) บ่งชี้ว่า ช่วยกระตุ้นให้ผู้ค้าน้ำมันขายน้ำมันออกจากคลังน้ำมันที่ระดับราคา Spot ทันที เนื่องจากมีราคาสูงกว่าในอนาคต


  • นักวิเคราะห์จาก Julius Baer ชี้ว่า ตลาดน้ำมันอยู่ในช่วงเวลาของความกังวลใจ จากปริมาณน้ำมันที่ตึงตัว และความกังวลอุปทานน้ำมันที่อาจหถูกรบกวน หนุนมุมมองบวกต่อราคาน้ำมัน


  • สำนักงานพลังงานสากล (IEA) รายงานว่า ความต้องการก๊าซในยุโรปคาดว่าจะลดลงในปีนี้ เนื่องจากราคาก๊าซที่สูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศต่าง ๆ หันมาใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้ากันมากขึ้น ขณะที่ความต้องการก๊าซในเอเชียอาจชะลอตัวลง


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ


  • นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคง ระบุว่า รัสเซีย พร้อมที่จะเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจการเงินและพร้อมทำสงครามเต็มรูปแบบเพื่อเป้าหมายทางการเมืองในยูเครน


  • ประธานคณะกรรมการความสัมพันธ์ต่างประเทศประจำวุฒิสภา เปิดเผยว่า วุฒิสมาชิกสหรัฐใกล้จะบรรลุข้อตกลงในการออกกฎหมายคว่ำบาตรรัสเซียเพื่อตอบโต้สิ่งที่รัสเซียได้กระทำต่อยูเครน รวมถึงการออกมาตรการบางด้านก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครน โดยหวังว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะมีความคืบหน้าในสัปดาห์นี้


  • เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017 ขณะที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้มีการเจรจา เกาหลีเหนือเปิดตัวขีปนาวุธ Hwasong-12 ในช่วงวานนี้ ซึ่งเป็นอาวุธเดียวกับที่เคยขู่ว่าจะยิงไปยังพื้นที่เกาะกวมของสหรัฐฯ ส่งผลให้สหรัฐฯ เกิดความวิตกกังวลว่าจะกลับมาทำการทดสอบในระยะยาว


ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19


·      สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,422 ราย ผู้ป่วยสะสม 224,529 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 2,447,964 ราย เสียชีวิต 12 ราย เสียชีวิตสะสม 22,185 ราย 


  • สายพันธุ์โควิดตัวใหม่  แพร่กระจายได้รวดเร็วกว่า โอมิครอน 1.5 เท่า ซึ่งได้แพร่กระจายไปเกือบครึ่งของสหรัฐฯ แล้ว โดยในวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 แล้วอย่างน้อย 127 ราย ในรัฐต่างๆ เกือบครึ่งประเทศ โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ระบุว่า แม้ BA.2 มีการเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของสายพันธุ์โอมิครอนในบางประเทศ แต่ปัจจุบันยังเป็นอัตราที่ต่ำในสหรัฐฯ


  • สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของอังกฤษ ระบุว่า สายพันธุ์ย่อยของเชื้อไวรัสโอมิครอนยังไม่สามารถลดประสิทธิภาพของวัคซีนได้


  • สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ จะเริ่มการจ่ายยาแพกซ์โลวิด ยาเม็ดต้านโควิดของบริษัทไฟเซอร์ ให้กับกลุ่มคนเปราะบางหลายพันคนในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ โดยเน้นรักษาผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งอาจทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพลดลง

ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ (เอ็นเอชเอส) ระบุว่าเป็นข่าวที่ดีมากที่การรักษาแบบใหม่ ซึ่งเป็นยารุ่นล่าสุดที่เอ็นเอชเอสกระจายผ่านหน่วยจัดส่งยา จะช่วยผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจากโควิด-19 ในการทดสอบเผยให้เห็นว่ายาตัวนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการเข้าโรงพยาบาลและการเสียชีวิตได้ 88% นั่นหมายความว่า เราจะสามารถช่วยชีวิตคนได้หลายพันคนเลย

 

ที่มาจาก :   Reuters, Bloomberg, FXstreet, Infoquest, Kitco, The Guardian

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com