MTS Help Center

ทองทรงตัวใกล้สูงสุดรอบ 3 สัปดาห์จาก Omicron ที่ดูจะสร้างการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วหนุน Safe-Haven

 

·         ราคาทองคำตลาดโลกปรับขึ้น 0.2% ที่ 1,800.42 จุด

·         สัญญาทองลดลง 0.2% ที่ 1,801.5 เหรียญ

 

·         หุ้นเอเชียปรับลงในขณะที่ราคาน้ำมันก็ร่วงลงรับความกังวล Omicron ที่ดูจะทำให้เกิดการกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดในยุโรป และดูจะเป็นภัยคุกคามที่ฉุดเศรษฐกิจโลกในปีใหม่นี้ได้ โดยจะเห็นได้จากการที่หลายๆประเทศในยุโรปเริ่มเห็นถึงการระบาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

·         เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯ  เรียกร้องให้ประชาชนฉีดวัคซีน และสวมใส่หน้ากากอนามัน รวมทั้งเดินทางด้วยความระมัดระวังช่วงฤดูหนาวนี้ ท่ามกลาง Omicron ที่ระบาดทั่วสหรัฐฯ

 

·         ความต้องการทองคำในอินเดียปรับขึ้นปานกลางในสัปดาห์นี้ โดยกลุ่มผู้ซื้อบางส่วนเพิ่มดำลังซื้อช่วงเทศกาลแม้ราคาจะปรับขึ้น

 

·         ซิลเวอร์ปรับขึ้น 0.1% ที่ 22.37 เหรียญ

·         แพลทินัม ปรับลง 0.2% ที่ 928.23 เหรียญ

·         พลาเดียมปรับลง 1.8% ที่ 1,749.51 เหรียญ

 

·         ดอลลาร์แข็ง - ยูโรร่วง จาก Omicron ระบาดและเฟดเข้าสู่วัฏจักรคุมเข้มทางการเงิน

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 96,629 จุด ใกล้เเข็งค่ามากสุดเดือนที่แล้วบริเวณ 96.938 จุด

WHO ย้ำ Omicron ส่งผลให้ยอดติดเชื้อพุ่งขึ้นเท่าตัวในช่วงวันครึ่ง - 3 วัน และมีการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วไปทั่วโลก แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ทราบแน่ชัดถึงระดับความรุนแรงของอาการ

 

ตลาดการเงินคาดโอกาส 50-50 ที่จะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมี.ค.

 

·         ”นายวิลเลียม” ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ชี้ การขึ้นดอกเบี้ยอาจเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

·         Reuters เผย จีนปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ ตลาดมองอาจเห็นการผ่อนคลายเพิ่มเติมอีกในปี 2022

 

·         ธนาคารกลางจีนปรับลดดอกเบี้ยลงครั้งแรกตั้งแต่ใช้ไวรัสระบาด โดยมีการลดดอกเบี้ยเงินกู้อายุ 1 ปี ที่ 3.8% ลดลงจาก 3.85%

ขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้อายุ 5 ปี ยังคงเดิมที่ 4.65%

 

·         ธนาคารกลางฝรั่งเศส ระบุว่า เศรษฐกิจฝรั่งเศสฟื้นตัวได้ แม้เงินเฟ้อจะสูงปานกลางต่อในปีหน้า หลังปีนี้เงินเฟ้อเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับจีดีพีฝรั่งเศสปีนี้คาดโตได้ 6.7% สูงกว่าคาดการณ์เดิม 6.3% แต่ปีหน้ามีแนวโน้มชะลอลงแตะ 3.6% และอาจอ่อนตัวต่อที่ 2.2% ปี 2023 และน่าจะลงมาที่ 1.4% ในปี 2024

อย่างไรก็ดี ข้อมูลเงินเฟ้อสูงส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และคาดสิ้นปีนี้จะขยายจังได้แถว 3.5%  ก่อนจะลดลงต่ำกว่า 2% ในช่วงสิ้นปี 2022

 

·         ”ฮารุฮิโกะ คุโรดะ” ผู้ว่าการบีโอเจ ชี้ “เร็วเกินไป” ที่จะปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ

การซื้อสินทรัพย์ของบีโอเจสูงมากคิดเป็น 135% ของจีดีพี ขณะที่เฟดคิดเป็น 36% และอีซีบีคิดเป็น 66% ของจีดีพี ซึ่งนายคุโรดะ ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการด้านนโยบายอย่างเหมาะสมต่อระบบการเงินและดุลบัญชี และไม่คิดว่า “การขยายเวลาการซื้อสินทรัพย์ของบีโอเจ” จะส่งผลต่อความสามารถด้านนโยบายการเงินและระบบการเงินให้มีเสถียรภาพ

ดัชนี CPI ญี่ปุ่นขยายตัวรวดเร็วแตะ 7% ขณะที่ของยูโรโซนปรับเข้าใกล้ 5% ทาฃด้านเฟดก็ดูจะพยายามเริ่มลด QE และตัดสินใจจบนโยบายนี้ราวช่วงมี.ค. ปีหน้า

นอกจากนี้ นายคุโรดะ ยังกล่าวถึงความสำคัญสำหรับภาครัฐบาลที่ต้องรับรองความเชื่อมั่นของตลาดต่อทิศทางการเงินของประเทศญี่ปุ่นในระยะกลางและยาวด้วย

 

·         ”เออโดแกน” ประธานาธิบดีตุรกี กล่าวว่าจะลดเงินเฟ้อให้ได้สู่ 4% ก่อนจะบรรลุเป้าหมายอีกครั้ง ท่ามกลางระดับเงินเฟ้อสูงแตะ 21% โดยที่เขามีการผลักดันกทาลดดอกเบี้ยเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจเป็นสำคัญ

 

·         ผู้บริหาร Pfizer ระบุว่า Covid อาจกลายมาเป็นโรคระบาดท้องถิ่น ประมาณปี 2024

 

 

·         ซิดนีย์เมินยอด Covid-19 พุ่ง  ค้านการกลับมาใช้มาตรการเข้มงวด

 

·         หุ้นอนุพันธ์สหรัฐฯ  ปรับลงเช้านี้ก่อนเข้าสู่วันหยุดเทศกาล

ภาพรวมดัชนีอนุพันธ์เปิดลงเช้านี้ โดยนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับยอดติดเชื้อ Covid-19 ที่เพิ่มขึ้น หลังเฟดเริ่มเปลี่ยนท่าทีการดำเนินนโยบายของเฟด

 

ดัขนี Dow Jones  Futures  ปรับลง 298 จุพ

ดัชนี S&P 500 Futures ปรับลง -0.93%

ดัชนี Nasdaq 100 Futures ปรับลง -1.01%

 

·         หุ้นเอเชีย-น้ำมันดิ่ง จาก Omicron ระบาด

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง ในขณะที่ราคาน่ำมันลดลง ท่ามกลางการระบาดของ Omicron จุดประกายการใช้มาตรการเข้มงวดอีกครั้งในยุโรป และอาจคุกคามฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกสู่ปีใหม่นี้

 

ราคาน้ำมันดิบแกว่งลงจากความวิตกกังวลเรื่อง Omicron ระบาดอาจสร้างอุปสรรคต่ออุปสงค์น้ำมัน โดยสัญญาณภาวะอุปทานน้ำมันมีการฟื้นตัวต่อ

 

น้ำมันดิบ Brent ปรับลง 1.56 เหรียญ ที่ 71.96 เหรียญ/บาร์เรล

 

น้ำมันดิบ WTI ปรับลง 1.43 เหรียญ ที่ 69.43 เหรียญ/บาร์เรล

·         อ้างอิงจากสำนักข่าว มติชนออนไลน์

- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย ยืนยัน ปี 65 จีดีพีโต 4% เดินหน้าปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย รับอุตสาหกรรมใหม่ เทรนด์ดิจิทัลและสิ่งแวดล้อม

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าว The Standard

- นักเศรษฐศาสตร์จาก 4 สำนักวิจัย วิเคราะห์ถึงผลกระทบจากการถอนคันเร่งมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของ เฟด ที่จะมีต่อเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าเตือนรับมือดอกเบี้ยโลกขาขึ้น โดยฟันธงกระทบไทย 3 ช่องทางหลัก ทำต้นทุนระดมเงินเพิ่ม ดึงเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า

1.หวั่นดอกเบี้ยขึ้นเจาะ ‘ฟองสบู่’ สินทรัพย์เสี่ยงแตก

2.ต้นทุนระดมทุนผ่านตลาดบอนด์ส่อเพิ่มขึ้น

3.แนะเร่งระดมทุนรับมือดอกเบี้ยขาขึ้น

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าว โพสทูเดย์

- เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.80 บาท/ดอลลาร์ ในสัปดาห์นี้ ปัจจัยสำคัญในประเทศที่ต้องติดตามคือการประชุม กนง. ในช่วงกลางสัปดาห์

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าว MGR ONLINE

- อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต เปิดเผยว่า การเก็บภาษีการลงทุนในตลาดทุนมีความจำเป็นเพื่อบรรเทาปัญหาฐานะทางการคลัง และกลุ่มนักลงทุนในตลาดหุ้นทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศอยู่ในฐานะทางเศรษฐกิจที่จะเสียภาษีได้ ขณะที่คนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโควิดและต้องการมาตรการคลังช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติม

 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังเก็บภาษีพลาดเป้าในปี 2564 มากกว่า 3 แสนล้านบาท การก่อหนี้สาธารณะเพิ่มเติมเรื่อยๆ จะนำมาสู่ความเสี่ยงวิกฤตฐานะการคลังในอนาคตได้