• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2564

    13 ธันวาคม 2564 | Gold News

ทองคำขยับขึ้นต่อ รับข้อมูลเงินเฟ้อ - ตลาดรอประชุมธนาคารกลางต่างๆ

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อ โดยยังได้รับอานิสง์จากข้อมูลดัชนี CPI สหรัฐฯ ที่ปรับขึ้น หนุน “ความต้องการสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ” ขณะเดียวกัน นักลงทุนเองก็กำลังรอคอยผลประชุมของธนาคารกลางต่างๆในสัปาดห์นี้ อาทิ เฟด เพื่อหาทิศทางดำเนินนโยบายต่อไป


·         ทองคำตลาดโลกปรับขึ้น +0.2% แถว 1,786.51 เหรียญ

·         Gold Futures ตลาดโลกปรับขึ้น +0.2% บริเวณ 1,787.70 เหรียญ

·         ซิลเวอร์ปรับขึ้น +0.4% บริเวณ 22.26 เหรียญ

·         แพลทินัมทรงตัวที่ 942 เหรียญ

·         พลาเดียมปรับขึ้น +1.4% แถว 1,786.54 เหรียญ

 

·         เฟดถูกคาดเป็นวงกว้างว่าน่าจะส่งสัญญาณ “เร่งลด QE” เพิ่มขึ้น และอาจเห็นการเริ่มต้นขึ้นดอกเบี้ย

 

·         ประชุมอีซีบี และบีโอเจ ที่อาจมีการปรับทบทวนแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินก็จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ด้วย


·         ศูนย์กลางเอเชียรายใหญ่ อย่าง อินเดีย ดูจะเห็นอุปสงค์ทองคำสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นจากราคาที่ปรับตัวลงก่อนเข้าสู่ช่วงสิ้นปี แม้จะเห็นความผันผวนของอัตราการซื้อของกลุ่มผู้ซื้อรายย่อยและจิเวลรีก็ตาม

 

·         ภาพทางเทคนิคทองคำมีสัญญาณ “ขาขึ้น” ก่อนประชุมเฟด

 

·         Gold Price Forecast: ทองคำอาจปรับขึ้นจำกัดบริเวณ 1,800 เหรียญ จนกว่าจะ Breakout จากกรอบ Symmetrical Triangle ได้


นักวิเคราะห์จาก FXStreet ระบุว่า ราคาทองคช่วง 2 สัปดาห์ ดูจะยืนยันการเคลื่อนตัวในกรอบสามเหลี่ยม Symmetrical Triangle บนภาพราย 4 ชั่วโมง



ดังนั้น หากทองฝ่าแนวต้านด้านบนได้อย่างชัดเจน ก็มีโอกาสทดสอบระดับเส้น SMA ราย 100 วันที่ระดับ 1,792 เหรียญ และอาจมีลุ้นไปถึง 1,800 เหรียญ ซึ่งหากปิดสูงเหนือระดับนี้ได้ ก็อาจกลับทดสอบ 1,808 เหรียญ ที่ถือเป็นระดับเส้น SMA ราย 200 วัน



ดัชนี RSI มีแนวโน้มจะปรับขึ้นได้เหนือเส้นกลาง จึงยิ่งตอกย้ำความเป็นไปได้ของภาวะขาขึ้น

ในทางกลับกัน หากทองคำปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,782 เหรียญ ก็มีลุ้นลงต่อและอาจลงต่อมาแถวแนวรับของกรอบล่างเส้นสามเหลี่ยมที่ 1,771 เหรียญได้ โดยที่แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 1,761 เหรียญ

 


·         ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ ภาวะ Omicron รอไปก่อน นาทีนี้ตลาดกังวล “เงินเฟ้อ” มากขึ้น หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯทะยานทำสูงสุดรอบ 39 ปี จุดประกายโอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น

นอกจากนี้  ตลาดยังมีแนวโน้มจะรอประชุมเฟด, บีโอเจ, บีโออี และอีซีบี ที่มีแนวโน้มจะทราบผลประชุมเรื่องนโยบายการเงินสัปดาห์นี้

ภาพรวม ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มจะเปิดทรงตัวรอปัจจัยสำคัญข้างต้น


 

·         FXStreet คาด ทองทรงตัวแกว่งขึ้นในกรอบ แต่ยังเคลื่อนไหวจำกัดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย DMA ราย 100 – 200 วัน

รายงานจาก FXstreet สะท้อนภาพทองคำมีการรีบาวน์ขึ้นจาก 1,770 เหรียญ ในวันทำการแรกของสัปดาห์นี้ ท่ามกลางดัชนี CPI เงินเฟ้อสหรัฐฯที่ทำสูงสุดตั้งแต่ปี 1982 ที่ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนทองคำอยู่



ภาพรวมตลาดจับตาประชุมเฟดที่อาจมีการคุมเข้มทางการเงินเร็วมากขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยที่ดอลลาร์เคลื่อนไหวแข็งค่าจำกัดภาวะขาขึ้นในสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงช่วยหนุนทองคำภาวะขาขึ้น และภาพรวมตลาดน่าจะเป็นการ “รอ” ก่อนทราบปัจจัยเสี่ยงสำคัญสัปดาห์นี้


เฟดมีกำหนดการจะประกาศผลการกำหนดนโยบายการตัดสินใจของเฟดในคืนวันพุธนี้ ที่ถูกคาดเป็นวงกว้างว่าเฟดอาจจะเร่งดำเนินการลด QE ในการประชุมวาระนี้ ควบคู่กับการติดตามแนวทางการตัดสินใจนโยบายของอีซีบี, บีโออี และบีโอเจ เพราะทุกผลลัพธ์ อาจมีผลต่อการตัดสินใจต่อไปของทิศทาง “ทองคำ”


ภาพรวมราคาทองคำอยู่ในแดนบวกต่อเนื่อง 2 วันทำการ และยังคงแกว่งตัวตามความเชื่อมั่นในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงและดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนรอคอยการช้อนซื้อท่ามกลางการปราศจากการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ



Technical outlook

นักวิเคราะห์ทางเทคนิค มองแนวโน้มขาขึ้นของทองคำเองก็กำลังรอการฝ่าระดับสำคัญ SMA ราย 200 วัน บริเวณ 1,793 – 1,795 เหรียญ และดูเหมือนทองคำมีความเป็นไปได้ที่สามารถยืนเหนือ 1,800 หรียญได้อีกครั้ง โดยหากฝ่าไปได้ ก็มีโอกาสไปแถวแนวต้านถัดไป 1,810 – 1,815 เหรียญ  และอาจไปหาแนวต้านสำคัญที่ 1,832 – 1,834 เหรียญได้





ในทางกลับกัน หากทองคำร่วงกลับทดสอบ 1,775 – 1,774 เหรียญ ก็อาจกลับมาที่ 1,770 เหรียญ รวมทั้งอาจไปได้ถึง 1,762 เหรียญ และหากไม่สามารถยืนได้ก็อาจเห็นทองมาที่ 1,750 – 1,748 เหรียญ และเมื่อนั้นบรรดาเทรดเดอร์ฝั่ง Short ก็อาจรอระดับท้าทายที่แนวรับ 1,725 เหรียญ เพราะหากไม่สามารถยืนได้ก็จะกลับมาที่ 1,700 เหรียญได้

 

·         ดอลลาร์ทรงตัว ท่ามกลางเทรดเดอร์ที่กำลังรอผลประชุมธนาคารกลางต่าๆง ด้านอนด์อ่อนค่าลงจากกังวล Covid-19

ดัชนีดอลลาร์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ 96.091 จุด ลดลงจากสูงสุดที่ทำไว้ช่วงกลางเดือนพ.ย. บริเวณ 96.938 จุด

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 1.1316 ดอลลาร์/ยูโร ด้านค่าเงินเยนแกว่งตัวที่ 113.51 เยน/ดอลลาร์

ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.1
% ที่ 1.3257 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า อังกฤษเผชิญ “ระลอกใหม่” จาก Omicron ที่ถึงแม้จะได้รับการฉีดวัคซีนเป็นจำนวน 2 เข็มก็อาจไม่เพียงพอในการต้านสายพันธุ์นี้

 

·         น้ำมันดิบปรับขึ้นต่อรับมุมมองเชิงบวกของผลกระทบ Omicron ที่อาจเป็นไปจำกัดต่ออุปสงค์พลังงาน

น้ำมันดิบ Brent Futures ปรับขึ้น 53 เซนต์ หรือ +0.7ที่ 75.68 เหรียญ/บาร์เรล หลังปิด +1% เมื่อวันศุกร์

น้ำมันดิบ WTI Futures ปรับขึ้น 69 เซนต์ หรือ +1.0ที่ 72.36 เหรียญ/บาร์เรล หลังวันศุกร์ปิดตลาด +1%

 

·         ภาคบริการญี่ปุ่นฉายแววฟื้นตัว แต่ไวรัส Omicron และเงินเฟ้อ อาจเป็นปัจจัยจกดดันแนวโน้ม

·         บริษัทจีนบางแห่งมีการสั่งระงับการผลิตในมณฑลเจ้อเจียง เหตุไวรัสระบาด

 

·         หุ้นเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่เคลื่อนไหวแดนบวก ท่ามกลางนักลงทุนจับตาประชุมเฟด

 


·         อ้างอิงจากไทยรัฐ
พบโอมิครอนในไทย 
รายแล้ว กังวลลูกผสม ขอประชาชนฉีดวัคซีน-เคร่งมาตรการ

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ

ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ชี้คริปโทเคอร์เรนซีอาจกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินและภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ แนะผู้ใช้ระมัดระวัง เหตุผันผวนสูงเสี่ยงจากถูกโจรกรรมทางไซเบอร์และถูกใช้เป็นเครื่องมือการฟอกเงิน ไม่เหมาะเป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ

 

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการการนโยบายการเงิน (กนง.) และ คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) วันที่ 8 ธ.ค. 64 เพื่อติดตามและประเมินเสถียรภาพระบบการเงินไทย โดยที่ประชุมมีมติเห็นควรให้หน่วยงานกำกับดูแลทั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมกันติดตามความเสี่ยงเฉพาะหน้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลของการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย


ตลอดจนประเมินความเพียงพอและประสิทธิผลของมาตรการที่ดำเนินการไปแล้ว รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านมาตรการและเครื่องมือในการรองรับความเสี่ยงระยะปานกลางที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะมาตรการที่ต้องมีการประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป


อีกทั้งเตรียมความพร้อมด้านมาตรการและเครื่องมือในการรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะปานกลาง หรือ ในช่วง 2-3 ปี ข้างหน้า

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวเดลินิวส์ออนไลน์

- "คมนาคม” ลุยฟื้นอุตสาหกรรมการบินปี 65 กพท. เร่งคลอดแผนเดินเครื่องต่อเนื่อง พร้อมรองรับผู้โดยสาร 214 ล้านคน “ไออาต้า” ชี้อีก 10 ปี ไทยจะมีผู้โดยสารสูงอันดับ ของโลก เล็งจัดแอร์โชว์ สร้างความเชื่อมมั่นด้านการบิน มั่นใจ ทอท. เข้าบริหาร สนามบินภูธร จะทำให้ ทย. แข็งแรงขึ้น ขณะที่ ทอท. คาดผู้โดยสารปีหน้าทะลุ 62 ล้านคน



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com