• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2564

    13 ธันวาคม 2564 | Gold News



ทองขึ้นหลังข้อมูลเงินเฟ้อแกร่ง

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในฐานะ Safe-Haven โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่มาช่วยชะลอกระแสตลาดบางส่วนเรื่องที่เฟดจะขึ้นดอเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้อไม่ได้ทะยานแรงอย่างที่ตลาดหวังไว้


·             ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.5% ที่ 1,782.44 เหรียญ
หลังจากที่ปรับตัวลดลง 2 วันทำการที่ผ่านมา

·             สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด +0.5% ที่ระดับ 1,784.80 เหรียญ

 

·             นักวิเคราะห์ฝ่ายการตลาดอาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯไมได้ร้อนแรงอย่างที่ตลาดบางส่วนหวังที่อาจทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยได้มาก 2-3 ครั้งในปี 2022 และรายงานล่าสุดดูเหมือนจะทำให้เฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้ราวช่วงกลางปีหน้า และมีโอกาสขึ้นประมาณ 1 ครั้ง

 

·             ผู้อำนวยการฝ่ายการซื้อขายจาก High Ridge Futures กล่าวว่า ความเป็นปได้ที่จะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยอาจฉุดรั้งตลาดทองคำ แต่ปัจจัยต่างๆ ทั้งจากแรงกดดันเงินเฟ้อ ก็อาจยังเป็นตัวช่วยตลาดได้อยู่

 

·             ตลาดให้ความสนใจประชุมเฟด 14-15 ธ.ค.

 

·             ผู้จัดการดีลเลอร์จาก Silver Bullion มองว่า ทองคำยังมีแรงหนุนที่ดี โดยเฉพาะในจังหวะที่ราคาทองคำเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,800 เหรียญ

 

·             ซิลเวอร์ปิด +1% ที่ระดับ 22.15 เหรียญ

 

·             แพลทินัมปิด +0.3% ที่ระดับ 937.68 เหรียญ
ปิดแดนบวกได้เป็นสัปดาห์แรกในรอบ 4 สัปดาห์

·             พลาเดียมปิด -3.2% ที่ระดับ 1,754.57 เหรียญ

 

·             เงินเฟ้อสหรัฐฯทะยานทำสูงสุดรายปี 6.8% ในเดือนพ.ย. สูงกว่าคาดและขยายตัวทำสูงสุดตั้งแต่ มิ.ย. ปี 1982 สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อยังมีอยู่ในภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว และเพิ่มแรงกดดันต่อเฟดเช่นกัน



ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ขยายตัวได้ 0.8% สำหรับภาพรายเดือน





ดัชนี Core CPI ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ปรับขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่รายปีขยายตัวแตะ 4.9% ถือเป็นการขยายตัวมากสุดตั้งแต่ช่วงกลางปี 1991


 


ภาพรวมราคาพลังงานมีการปรับขึ้นมากถึง 33.3เมื่อเทียบรายปีกับ พ.ย. ปี 2020 โดยในภาพรายเดือนของเดือนพ.ย. ปีนี้ขยายตัวได้ 3.5%

แก๊สโซลีน ปรับขึ้นไปแรงกกว่า 58.1%

ราคาอาหารปรับขึ้นไปมากถึง 6.1% เมื่อเทียบรายปี


·             อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ขยับเพียง 0.2ที่ 1.489%

 

·             ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังทราบข้อมูลเงินเฟ้อที่แกว่งแรงสุดรอบ 39 ปี

ท่ามกลางแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนก่อนทราบประชุมเฟดสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อก็ดูจะทำให้นักลงทุนบางส่วนในตลาดเชื่อว่า อาจสามารถกดดันเฟดในการถอนนโยบายผ่อนคลายได้เร็วมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ดัชนีดอลลาร์ปิด -0.1
% ที่ 96.10 จุด

Money Markets มองตลาดมีโอกาส ขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 0.6% ในปีหน้า


ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.2
ที่ 1.324 ดอลลาร์/ปอนด์

ค่าเงินยูโรยังคงผันผวนตามกระแสเฟดขึ้นดอกเบี้ย โดยเฉพาะการที่ยูโรโซนยังไม่มีแววจะขึ้นดอกเบี้ย และทำให้ยูโรปิดตลาดวันศุกร์ -0.1% ที่ 1.1281 ดอลลาร์/ยูโร


·             
Bitcoin ปรับขึ้น +2.1% กลับเหนือ 50,000 เหรียญในเช้านี้

 

·             CNBC รายงานเหมือง Bitcoin ส่วนใหญ่เริ่มฟื้นตัวได้ หลังจากเผชิญเหตุปราบปรามจากจีน

 

·             เฟดถูกคาดว่าอาจเห็นการเร่งดำเนินการลด QE และอาจส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยตามมา

 

·         ในการประชุมสัปดาห์นี้ เฟดถูกคาดว่าจะมีการเร่งถอนนโยบายสนับสนุนทางเศรษฐกิจและอาจมีแนวโน้มจะเพิ่มการลด QE เป็นเท่าตัวที่ 3 หมื่นล้านเหรียญ/เดือน (เดิมประกาศไว้ 1.5 หมื่นล้านเหรียญ)


ซึ่งทั้งหมดนี้อาจทำให้เราเห็นนโยบาย
 QE ที่เฟดทำไว้ 1.2 แสนล้านเหรียญ/เดือน อาจจบลงเร็วสุดมี.ค. ปี 2022 และอาจมีผลให้เฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อยังคงเป็น “ปัญหา”

 

·             ตลาดสหรัฐฯและนักลงทุนรอคอยสัญญาณการทำ Tapering และมุมมองเงินเฟ้อของเฟดเป็นสำคัญ

 

·             Moody’s Investors ถอนอันดับความน่าเชื่อถือของ 2 บริษัทนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีน ได้แก่ Fantasia และ Modern Land หลังผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรที่ถือครองไว้

 

·         COVID-19 UPDATES:

·         ติดเชื้อสะสมทั่วโลกทะลุ 270.41 ล้านราย ขณะที่เสียชีวิตสะสมทั่วโลกแตะ 5.32 ล้านราย รักษาหายสะสม 243.08 ล้านราย

 

·         CNBC รายงานยอดเสียชีวิตสะสมในสหรัฐฯทะลุ 800,000 ราย อันเนื่องจาก Delta คุกคามในปีนี้

 

·         ข้อมูลใหม่จาก CDC ชี้ การพบผู้ป่วย Omicron รายแรกในสหรัฐฯ เริ่มขึ้นตั้งแต่ 15 พ.ย.

 

·         อังกฤษปรับเพิ่มระดับการระบาด จากสายพันธุ์ Omicron ที่กำลังคุกคาม และยอดติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้

 

·         นายกฯอังกฤษ เตือนระวัง “ติดเชื้อระลอกใหม่” จาก Omicron ย้ำว่า การได้รับวัคซีนเพียง 2 โดสอาจไม่เพียงพอ

 

·         สำหรับสถานการณ์ในไทยวันนี้พบติดเชื้อเพิ่ม 3,398 ราย ตาย 23 ราย


สำนักข่าวเดลินิวส์ รายงาน ผวาโควิดแปลงร่าง ลูกผสม “เดลตา-โอไมครอน” แพทย์หนักใจสั่งจับตาสุดยากคาดเดาอาการ



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com