• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 2 กันยายน 2564

    2 กันยายน 2564 | Gold News

ทองคำทรงตัว - นักลงทุนรอจ้างงานสหรัฐฯ

 

·         ราคาทองคำทรงตัว เนื่องจากเหล่านักลงทุนต่างชะลอการลงทุน เพื่อรอข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯในคืนวันพรุ่งนี้ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญต่อการตัดสินใจทำ Tapering QE ของเฟด

 

·         ราคาทองคำตลาดโลกทรงตัวแถว 1,814.58 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค.ทรงตัวแถว 1,816.50 เหรียญ

 

·         นักวิเคราะห์จาก ANZ กล่าวว่า ตลาดกำลังรอการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ พร้อมทั้งยังคาดว่าดัชนี CPI จะยังค่อนข้างสูง

 

·         ดังนั้น ช่วงที่เหลือของปี ตัวเลขเงินเฟ้อจะค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้น จึงอาจจะเห็นราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้

 

·         ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ยังทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานการจ้างงานภาคเอกชนที่ไม่เป็นไปตามคาด

 

·         ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญสหรัฐฯ

-      จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์คืนนี้

-      การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯคืนวันพรุ่งนี้

 

·         ด้านนักเศรษฐศาสตร์ของ Reuters คาดว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 728,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.

 

·         นักวิเคราะห์ทางเทคนิคของ Reuters กล่าวว่า ราคาทองคำอาจปรับขึ้นทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,826 เหรียญ ซึ่งหาก Break ระดับดังกล่าวไปได้ ก็มีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นไปแถวระดับ 1,841 เหรียญ

 

·         ทองแกว่งตัวกรอบแคบรอข้อมูล Non-Farm Payrolls คืนพรุ่งนี้

นักวิเคราะห์จาก FXStreet กล่าวว่า ทองคำดูจะมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ 2 กรณี ท่ามกลางนักลงทุนที่กำลังรอคอยการเปิดเผยรายงานจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯคืนพรุ่งนี้

 

"ท่าทีเฟด Dovish ต่อ กำลังสร้างความปั่นป่วนแก่ตลาดทองคำ"


ทั้งนี้ รายงานข้อมูลจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจมีนัยยะครั้งใหม่ต่อโอกาสเฟดเริ่มต้นถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และน่าจะเป็นตัว "บ่งชี้ทิศทางต่อไปของทองคำได้"

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากภาพรายสัปดาห์จะเห็นได้ว่า หากทองคำไปแถว 1,823 เหรียญได้ ก็มีโอกาสจะเห็นราคาทองคำปรับขึ้นต่อได้ โดยราคาทองคำจะมีระดับสำคัญ บริเวณ 1,832 - 1,834 เหรียญ ซึ่งหาผ่านระดับนี้ไปได้อย่าง "ชัดเจน" ก็จะยืนยันการกลับมาเป็นขาขึ้นของทองคำ พร้อมกับเห็นการขึ้นต่อของทองคำได้

และมีโอกาสอย่างมากที่จะเห็นทองคำขึ้นไปต่อที่ระดับแนวต้านถัดไปแนว 1,853 - 1,855 เหรียญ

ในทางกลับกัน หากภาพรายสัปดาห์เห็นทองคำแกว่งลงมาแถว 1,800 เหรียญ ก็อาจสะท้อนโอกาส "ลงต่อ" ได้ โดยหาก Breakout หลุดระดับดังกล่าว ก็มีโอกาสจะยิ่งจุดประกาย "แรงเทขายทางเทคนิค" และฉุดให้ทองคำกลับทดสอบบริเวณ 1,778 - 1,774 เหรียญได้ พร้อมกันนี้ทองคำอาจแกว่งลงมาต่อจากภาวะตลาดเชื่อมั่นถึงทิศทางขาลงมาที่แนวรับถัดไป 1,762 เหรียญ ซึ่งหากปรับลงมาก็อาจเห็น 1,751 - 1,750 เหรียญ

นอกจากนี้ ทองคำจะตอกย้ำภาพขาลงต่อ โดยเฉพาะหากต่ำกว่า 1,730 เหรียญ ก็อาจร่วงลงทดสอบ 1,700 เหรียญ และเมื่อนั้นทองคำอาจมีเป้าหมายต่อไปทีต่ำสุดเดิมที่ระดับ 1,687 - 1,686 เหรียญ

 

·         ทองคำทรงตัวท่ามกลางนักลงทุนให้ความสำคัญกับ "ข้อมูลจ้างงานภาครัฐบาลสหรัฐฯ ศุกร์นี้" เพื่อจับสัญญาณกรอบเวลาทำ Tapering QE ของเฟด


·         ราคาซิลเวอร์ -0.1% ที่ระดับ 24.15 เหรียญ

·         ราคาแพลตินัม -0.5% ที่ระดับ 997.27 เหรียญ

·         ราคาพลาเดียม -0.1% ที่ระดับ 2,439.18 เหรียญ

 

·         S&P Global Rating ระบุว่า เฟดอาจจะลดโอกาสทำ Tapering จากการพิจารณา "แพ็คเกจโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลสหรัฐฯ" ที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงานในระยะกลาง ซึ่างอาจเห็นเฟดใช้เวลานานนับปีในการทำ Tapering QE

 

·         "ชูมเมอร์ส" ชี้ ร่างโครงสร้างพื้นฐานสหรัฐฯเข้าใกล้เป้าหมายด้านภูมิอากาศของไบเดนในช่วง 10 ปี้างหน้าเพื่อลดมลพิษทางอากาศให้ลดลง 50% - 52% ตั้งแต่ปี 2005 - 2030

 

·         รายงการ The Exchange ของ CNBC ชี้  Delta ปัจจัยร้ายสร้างความเสี่ยง "ขาลง" แก่ตลาดแรงงาน รวมถึง "ความเชื่อมั่นผู้บริโภค

 

·         ยอดเกินดุลการค้าออสเตรเลียทำสูงสุดประวัติการณ์เดือนก.ค. แตะ 1.21 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (8.91 พันล้านเหรียญ) โดยเป็นผลจากความเจริญในกลุ่มทรัพยากร อาทิ แร่เหล็กถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ

 

·         Morgan Stanley ชี้ ระบบบริษัทการศึกษาของจีนจะยังก้าวต่อไปได้ แม้จะเผชิญกับการปราบปรามอย่างหนักของภาครัฐบาล

 

·         ล่าสุดหน่วยกำกับดูแลของจีน เรียกบริษัท 11 แห่ง ที่รวมถึงบริษัท Didi โทษฐานมีพฤติกรรมที่ส่อ "ผิดกฎหมาย"

 

·         ญี่ปุ่น เปิดเผย "กลยุทธ์สำคัญสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ" ก่อนเกิดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่

รัฐบาลญี่ปุ่น มีการประกาศแนวทางดำเนินการที่จะมุ่งเน้นไปยังเรื่องสำคัญต่างๆ คือ

การสนับสนุนเศรษฐกิจระยะยาว

การสนับสนุนเทคโนโลยีสีเขียว

การสนับสนุนแนวทางดำเนินการด้วยระบบดิจิทัล

นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นอาจมีการเผยแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่ช่วงปลายปีนี้ด้วย

 

·         สมาชิกบีโอเจเตือน "ความเสี่ยงที่กำลังเพิ่มขึ้น" จากการอุปโภคบริโภคและ Delta ที่จำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อาจกระทบต่อการฟื้นตัวของญี่ปุ่น รวมถึงภาคส่งออกที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของประเทศ

 

·         นักวิเคราะห์จาก UBS Global Wealth Management กล่าวว่า แม้ว่าอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา ในญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้น แต่การกลับมาเปิดทำการของเศรษฐกิจอีกครั้งอาจถูกเลื่อนออกไปอีกไตรมาส

 

·         เงินเฟ้อเกาหลีใต้พุ่งทำสูงสุดรอบ 9 ปี จุดประกายโอกาสที่บีโอเคจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งปีหน้า เพื่อสกัดปัญหาเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเกาหลีใต้เดือนส.ค. ปรับขึ้นแตะ 2.6%  เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงสุดรอบ 9 ปี อันเป็นผลจากราคาอาหารที่สูงขึ้น รวมทั้งราคาในการผลิตน้ำมัน ประกอบกับค่าเช่าที่อยู่อาศัย และบริการต่างๆที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น


·         FItch Solution ชี้ การที่สหรัฐฯออกจากอัฟานิสถาน มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอัฟกานิสถาน คาดอาจเห็นจีดีพีหดตัวลงแตะ -9.7% จากที่คาดไว้ว่าจะ -5.2%


·         ตอลิบานเตรียมเปิด "รัฐบาลอัฟกานิสถาน" ชุดใหม่ ท่ามกลางความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ

 

·         ยอดเสียชีวิตจาก Covid-19 ในอังกฤษพุ่งขึ้นทำสูงสุดประวัติการณ์กว่า 200 รายภายใน 1 วัน ถือเป็นอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดรอบ 6 เดือน

 

·         สถานการณ์การฉีดวัคซีน Covid-19 - เดินหน้าบูสเข็ม 3 ให้กับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

รายงานจาก JCVI แห่งสหราชอาณาจักร ประกาศจะเสนอฉีดบูสวัคซีนเข็มที่ 3 หลังจากที่พบว่า ประชากรในอังกฤษกว่าครึ่งล้านมีภูมิคุ้มกันไวรัส Covid-19 อ่อนแอ



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com