• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 2 กันยายน 2564

    2 กันยายน 2564 | Gold News


ทองแกว่งตัวกรอบแคบ ตลาดจับตาจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯศุกร์นี้

ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลสำคัญอย่าง “ตลาดแรงงาน” ที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเฟดเรื่องการทำ Tapering QE


· ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.1% ที่ 1,812.55 เหรียญ

· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด -0.1% ที่ 1,816 เหรียญ


· ราคาทองคำตลอดสัปดาห์โดยส่วนใหญ่เคลื่อนไหวตามดอลลาร์ ที่ดูจะอ่อนค่าลงไปจากข้อมูล ADP ที่เผยจ้างงานเอกชนสหรัฐฯออกมาเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในเดือนส.ค. แต่ก็ถูกชดเชยและรีบวาน์กลับจากข้อมูลภาคการผลิตของสหรัฐฯ

โดยดัชนีดอลลาร์ภาพรวมปิด -0.203% และมีการทำต่ำสุดใหม่รอบ 1 เดือนวานนี้ที่ 92.376 จุด


· ธนาคารกลางเยอรมนี (Bundesbank) ระบุว่า อีซีบีควรเตรียมตัวเพื่อยุติโครงการ PEPP ที่มีการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสูงถึง 1.85 ล้านล้านยูโร


· ตลาดจับตาการประชุมอีซีบีสัปดาห์หน้า ในวันที่ 9 ก.ย. นี้

· นักวิเคราะห์อาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า ทองคำไม่ได้ตอบรับกับการเคลื่อนไหวของดอลลาร์มากนักเมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลงวานนี้ และตลาดก็ดูจะยังเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ ภาพรวมทองคำยังคงเคลื่อนตัวได้ดีจากแรงหนุนของประธานเฟดสัปดาห์ที่แล้วที่ถึงแม้จะมีการส่งสัญญาณทำ Tapering QE ปีนี้ แต่ก็ยังมีท่าทีระมัดระวังต่อการจะเริ่มต้นขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับตลาดกำลังรอข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯในคืนวันศุกร์นี้ด้วย




· ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จาก Reuters Poll คาด จ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯในคืนวันศุกร์จะขยายตัวได้มากถึง 750,000 ตำแหน่ง


· นักวิเคราะห์จาก OANDA กล่าวว่า ราคาทองคำดูจะเคลื่อนไหวแบบสะสมพลังรอข้อมูลตลาดแรงงานศุกร์นี้ ซึ่งหากข้อมูลออกมาแกร่งมีโอกาสหนุนดอลลาร์และกดดันราคาทองคำได้


· ราคาซิลเวอร์ปิด +1% ที่ 24.13 เหรียญ หลังระหว่างวันทำสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์

· แพลทินัมปิด -1.2% ที่ระดับ 1,000.01 เหรียญ

· พลาเดียมปิด -0.8% ที่ 2,447.44 เหรียญ


· ADP เผย ข้อมูลจ้างงานเอกชนสหรัฐฯ ส.ค. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดแตะ 374,000 ตำแหน่ง



ทั้งนี้ เป็นผลมาจากบริษัทต่างๆในสหรัฐฯที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อย เพราะได้รับผลกระทบจากยอดติดเชื้อ Covid-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ขณะที่ข้อมูลเดือนก.ค. ก็ถูกปรับทบทวนลงมาสู่ 326,000 ตำแหน่ง


หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Moody’s Analytics กล่าวว่า การระบาดของ Delta Covid-19 ดูจะเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน ขณะที่การเติบโตที่แข็งแกร่งของตลาดแรงงานดูจะเริ่มชะลอตัวลง และขยายตัวได้ยากขึ้นอันเป็นผลจากไวรัสระบาด


· ค่าใช้จ่ายภาคการก่อสร้างสหรัฐฯพุ่งขึ้นในเดือนก.ค. 0.3% ทรงตัวเท่าเดือนก่อนแต่ขยายตัวได้ 0.9% เมื่อเทียบรายปี ท่ามกลางโครงการภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มสูงขึ้น


· สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตสหรัฐฯ ปรับขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค. สู่ระดับ 59.9 จุด จากยอดคำสั่งซื้อที่แกร่ง แม้ว่าจะเผชิญปัญหาการจ้างงานภาคโรงงานลดลงแตะต่ำสุดรอบ 9 เดือน


· สถาบัน CFPB ให้ความสนใจกับข้อมูลการกู้ยืมของภาคธุรกิจรายย่อย และเรียกร้องข้อเสนอใหม่สำหรับสถาบันการเงินในการจัดเก็บและรายงานข้อมูล เพื่อสนับสนุนให้เกิดความโปร่งใสและความยุติธรรมสำหรับการปล่อยกู้


· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ทรงตัวที่ 1.302% หลังไปทำสูงสุด 1.334% ท่ามกลางตลาดรอข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯ


· Ether วานนี้ทะยานทำสูงสุดตั้งแต่ 16 พ.ค. บริเวณ 3,791.28 เหรียญ


· นักวิเคราะห์จาก DBS ชี้ เศรษฐกิจอินเดียจะชะลอตัวลงมาแถวระดับ 6% ในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า อันเป็นผลจากการเผชิญปัญหาตลาดแรงงานและการอุปโภคบริโภคในระยะยาว


· หุ้นทั่วโลกปิดทำสูงสุดใหม่ – ดอลลาร์อ่อนค่า ตลาดกังวล Delta Covid-19 รวมถึงให้ความสนใจไปยังแนวทางการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางต่างๆ


· พายุไอดา สร้างความเสียหายกระทบการขาดแคลนเชื้อเพลิงและขัดขวางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ


· ตอลิบานเผชิญกับการต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจอัฟกานิสถาน รวมถึงวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่จะเกิดขึ้น


· เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงและนักการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ ระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ - ตอลิบาน ยังไม่ชัดเจน หลังจากจบสงครามอัฟกันที่ยาวนานมากกว่า 20 ปี


· COVID-19 UPDATES:



ยอดติดเชื้อใหม่ทั่วโลกปรับขึ้นรวมกันเกือบ 680,000 ราย รวมติดเชื้อสะสมทั่วโลกพุ่งทะลุ 219.22 ล้านราย ขณะที่เสียชีวิตสะสมแตะ 4.54 ล้านราย

สหรัฐฯยังคงมีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มสูงขึ้นต่อเกือบ 190,000 รายวานนี้ ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมของประเทศแตะ 40.32 ล้านราย และเสียชีวิตสะสม ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 659,876 ราย




· WHO ชี้ถึงการเฝ้าระวังไวรัส Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ที่ชื่อว่า “มิว” (MU) เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะต้านทานวัคซีนหลายชนิดและหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้

รายงานระบุว่า สายพันธุ์ Mu Covid-19 หรือที่นักวิทยาศาสตร์รู้จักในชื่อ B.1.621 ค้นพบครั้งแรกที่ประเทศโคลัมเบีย เมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมา และถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “สายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง” (variant of interest)

ทั้งนี้ WHO ระบุด้วยว่า สายพันธุ์มิว มีการกลายพันธุ์ที่บ่งชี้ได้ถึงความเสี่ยงในการต้านทานต่อวัคซีนหลายชนิด และมีความเสี่ยงที่จะหลบหลีกภูมิต้านทานได้ จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจไวรัสสายพันธุ์มิวนี้ให้ดียิ่งขึ้น


· CNBC เผย วัคซีน Covid-19 ยังให้ประสิทธิภาพที่น่าทึ่ง แม้ว่าสายพันธุ์ Delta ในเวลานี้จะก่อให้เกิดความกังวลมากขึ้น หลังพบจำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้ารับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว

อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาก็ยังสะท้อนว่าการฉีดวัคซีนครบโดสนั้นยังให้ประสิทธิภาพด้านการต้านไวรัสและอาการรุนแรงในรัดบสูง โดยเฉพาะข้อมูลจากสถานพยาบาลเกี่ยวกับจำนวนการเข้ารักษาและเสียชีวิต


· สถานการณ์ในประเทศไทย



ศบค. รายงานยอดติดเชื้อล่าสุดเพิ่มขึ้น 14,956 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 262 ราย

รวมติดเชื้อสะสมในประเทศ 1,234,487 ราย
เสียชีวิตสะสมรวมที่ 12,103 ราย


กระทรวงสาธารณสุขไทย เผยข่าวดี ผู้ป่วยโควิดไทยรักษาหายแล้วกว่า 1 ล้านราย

ทางด้านแพทย์ชนบท ชี้ ยอดติดเชื้อโควิดไทยไม่ได้ลด แค่ตรวจน้อย
โดยระบุว่า การตรวจหาเชื้อน้อยลงเหลือเพียง 4.7 หมื่นคน/วัน จากเดิม 7 หมื่นคน/วัน หวั่นปลดล็อกการเดินทางทำยอดติดเชื้อสูงขึ้นอีกระลอก


· เงินบาทไทยทรงตัวที่ 32.30 บาท/ดอลลาร์ – คริปโตซื้อขายคึกคัก

ภาพรวมนักบริหารการเงิน คาดการณ์ว่า เงินบาทจะมีกรอบแนวรับ 32.10 บาท/ดอลลาร์ และแนวต้านที่ 32.50 บาท/ดอลลาร์


ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าเงินบาทเมื่อวานนี้ ได้แก่
- สมาชิกอีซีบี ส่งสัญญาณทำ Tapering QE
- ข้อมูลเงินเฟ้อยูโรโซนขยายตัวเร็วสุดรอบ 10 ปี
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนี 10 ปี ทำสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์
- เชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯทำต่ำสุดรอบ 6 เดือน
- จ้างงานเอกชนสหรัฐฯ แย่กว่าคาด



ปัจจัยที่ต้องติดตามต่อในสัปดาห์นี้
- ยอดดุลการค้าสหรัฐฯ
- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
- การจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯ
- ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงคลังสหรัฐฯ
- อัตราว่างงานสหรัฐฯ
- ยอดค้าปลีกยูโรโซน


· อ้างอิงจากผู้จัดการออนไลน์

- กกร.ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เป็น -0.5-1.0%

เนื่องจากมองว่าสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มดีขึ้น และรัฐบาลคาดว่าจะจัดหาวัคซีนได้เพิ่มมากขึ้น จนนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคบางส่วนในเดือนกันยายน จึงเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งนี้ หากสามารถเร่งจัดสรรและฉีดวัคซีนที่มีมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้เศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้

ขณะเดียวกัน ได้ปรับคาดการณ์การส่งออกไทยปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 12-14% จากเดิม 10-12% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้บางประเทศจะกลับมาบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์บ้าง แต่โดยส่วนใหญ่สามารถอยู่กับโควิด-19 ได้

ทั้งนี้ ที่ประชุม กกร.เห็นควรแสนอแนะให้รัฐบาลกำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในแบบที่ท้าทาย โดยตั้งเป้าผลักดันให้ GDP ปี 65 ขยายตัวให้ได้ถึง 6-8% เพราะการตั้งเป้าหมายการเติบโตได้เพียง 3-5% มองว่าอาจอยู่ในระดับต่ำเกินไป

อ่านต่อ: https://mgronline.com/uptodate/detail/9640000086502


· อ้างอิงจากประชาชาติ

- เลื่อนจับคู่ธุรกิจ อินเตอร์แมค-ซับคอนไทยแลนด์ จัด พ.ค. ปีหน้า 2565



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com