• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2564

    16 สิงหาคม 2564 | Gold News


ทองทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอ

· ราคาทองคำทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังจากข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่ลดลงช่วยชะลอความกังวลบางส่วนเกี่ยวกับการที่เฟดจะปรับลด QE ในช่วงก่อนหน้านี้

· ราคาทองคำตลาดโลก -0.1% ที่ระดับ 1,776.78 เหรียญ หลังขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค.ที่บริเวณ 1,782.40 เหรียญ

· สัญญาทองคำเคลื่อนไหวทรงตัวบริเวณ 1,778.50 เหรียญ

· นักกลยุทธ์ประจำ DailyFX กล่าวว่า ข้อมูลความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯที่ออกมาน่าผิดหวัง ชี้ให้เห็นว่าเฟดอาจจะต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ที่จะปรับลด QE และสิ่งนี้เป็นข่าวดีสำหรับทองคำอย่างแน่นอน

· อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปีอาจเห็นระดับราคาทองคำที่ต่ำลง ท่ามกลางภาพรวมของสภาพแวดล้อมทางการเงินที่กำลังเคลื่อนไปสู่การคุมเข้ม

· ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐฯ ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงต้นเดือนส.ค.สู่ระดับต่ำสุดในรอบทศวรรษ เนื่องจากกรณีที่เพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้าที่ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจชะลอการฟื้นตัว

· ขณะที่ตลาดต้องเผชิญกับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่หลากหลายและบรรดาสมาชิกเฟดหลายรายได้กล่าวถึงการปรับลด QE ที่เร็วขึ้น รวมทั้งความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

· นักวิเคระาห์จาก OCBC คาดว่าจะมีแนวต้านที่แข็งแกร่งสำหรับทองคำที่ 1,800 เหรียญ

· รายงานการประชุมของเฟดมีแนวโน้มที่จะกำหนดทิศทางของราคาทองคำในอนาคตอันใกล้ ซึ่งหากรายงานคุมเข้มนโยบายอาจส่งการร่วงลงของทองคำอีกครั้ง

· ทองคำเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,800 เหรียญ รอถ้อยแถลง "โพเวลล์" และรายงานประชุมเฟด


นักวิเคราะห์จาก FXStreet ระบุว่า ณ ขณะนี้ นักลงทุนในตลาดทองคำกำลังรอคอยปัจจัยสำคัญต่างๆในสัปดาห์นี้ ได้แก่

- รายงานยอดค้าปลีกสหรัฐฯ วันพรุ่งนี้

- ถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ คืนพรุ่งนี้

- รายงานสรุปประชุมเฟดเดือนก.ค. ที่จะประกาศคืนวันพุธ


ซึ่งทั้งหมดนี้ ดูจะเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวในทิศทางต่อไปของราคาทองคำ รวมไปถึงตลาดสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่น่าจะไม่เคลื่อนไหวมากนักก่อนทราบข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญข้างต้น


แนวโน้มทางเทคนิคในระยะสั้น

นักวิเคราะห์จาก FXSrteet กล่าวว่า ในทางเทคนิครราคาทองคำดูจะเคลื่อนไหวในทิศทางเชิงบวก และมีบางช่วงที่ปรับขึ้นทดสอบแนวต้านใกล้ 1,790 เหรียญได้

หากทองคำผ่าน 1,800 เหรียญไปได้ มีโอกาสเห็นทองคำปรับขึ้นแถว 1,805-1,815 เหรียญ ซึ่งจะเป็นแถวเส้นค่าเฉลี่ย SMAs บริเวณ 100 วัน และ 200 วัน

การเพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจทำให้ทองคำสามารถขึ้นไปแถวระดับ 1,832 - 1,834 เหรียญได้ และน่าจะกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อกลับมาจากโอกาสขาขึ้นรอบใหม่ และจะปูทางให้เราเห็นการปรับขึ้นตั้งแต่ในระยะสั้นๆ



ในทางกลับกัน หากทองคำหลุดต่ำกว่าเส้น Fibonacci 50% ที่ระดับ 1,760 เหรียญ (เป็นกรอบที่วัดจากระดับ 1,832 - 1,688 เหรียญ ก็มีโอกาสเห็นทองคำ "ปรับตัวลดลงต่อ" และอาจลงมาได้ลึกถึง 1,745 - 1,743 เหรียญ แต่ก็จะเป็นการปรับลงอย่างจำกัดเพราะ "อาจสร้างโอกาสให้แก่กลุ่มผู้รอช้อนซื้อได้"


แต่หากหลุดระดับดังกล่าว มีโอกาสที่ระยะสั้นจะกลับมาเป็น "ขาลง" และอาจเห็นทองคำกลับลงมาที่ 1,725 เหรียญ ที่เป็นแนวเส้น Fibonacci 23.6% รวมทั้งอาจเห็นทองคำลงมาที่ 1,720 เหรียญ


· บรรดานักวิเคราะห์แนะจับตา "1,800 เหรียญ" หลังข้อมูลเศรษฐกิจเริ่มออกมาน่าผิดหวัง

ผู้เชี่ยวชาญด้านเหรียญทองจาก Everett Millman มองว่า ข้อมูลเงินเฟ้อดูจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำในเวลานี้ ที่ดูเหมือนจะเห็นเงินเฟ้อเข้าสู่จุดพีคไปแล้ว จึงสะท้อนว่าเฟดอาจไม่ใช้เวลานานกเินไปในการเร่งลด QE


แต่นี่ก็เปรียบเสมือน ช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับการช้อนซื้อ


ดังนั้น จังหวะที่ราคาทองคำร่วงหลุดต่ำกว่า 1,800 เหรียญ ก็ดูจะเป็นโอกาสดีที่เหมาะจะเป็นระดับสำคัญที่ควรเข้าซื้อ เพราะ "ในทางเทคนิค" ดูจะยังน่าดึงดูดใจอย่างมากสำหรับการลงทุนในทองคำ ที่จะเห็นได้ถึงการฟื้นตัวของราคาเมื่อไม่นานมานี้ และทำให้ราคาสามารถยืนได้เหนือ 1,700 เหรียญ ซึ่งหากทองคำสามารถ Break เหนือ 1,800 เหรียญได้ในสัปดาห์นี้ จะยิ่งตอกย้ำภาวะขาขึ้นได้มากขึ้


อย่างไรก็ดี สัญญาณเชิงบวกอื่นๆ คือ

- ปริมาณอุปสงค์ทองคำในแถบเอเชียที่เพิ่มสูงขึ้น

- ยอดขายทองจิวเวลรี่และเหรียญทอง ที่ดูจะเป็นตัวบ่งบอกทิศทางได้เป็นอย่างดีสำหรับประเทศอินเดีย

- ความต้องการทองในจังหวะที่ราคาถูก


· นักวิเคราะห์จาก TD Securities คาดหวังว่าสัปดาห์นี้อาจเห็นทองคำทดสอบแนวต้าน 1,784 เหรียญได้ หลังจากที่สามารถกลับมายืนเหนือ 1,707 เหรียญ ได้อย่างแข็งแกร่ง


· ราคาซิลเวอร์ -0.2% ที่ระดับ 23.70 เหรียญ

· ราคาแพลตินัม -1% ที่ระดับ 1,016.01 เหรียญ

· ราคาพลาเดียม -0.5% ที่ระดับ 2,635.71 เหรียญ


· เศรษฐกิจจีนเผชิญแรงกดดันจากข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, ยอดค้าปลีก ที่ชะลอตัวลง โดยข้อมูลเดือนก.ค. ออกมาแย่กว่าคาด เหตุได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม และการระบาดของไวรัส

ทั้งนี้ การจัดการภาคธุรกิจดูจะเผชิญกับอุปสรรค และส่งสัญญาณที่จะเห็นเศรษฐกิจสูญเสียสภาวะขยายตัว


- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนประจำเดือนก.ค. ออกมาแตะ 6.4% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งน้อยกว่าที่คาดว่าจะโตได้ 7.3% และน้อยกว่าข้อมูลในเดือนมิ.ย. ที่อยู่บริเวณ 8.3%

- ยอดค้าปลีกจีนขยายตัวได้ 8.5% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.ค. น้อยกว่าที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวได้ 11.5% ขณะที่เดือนมิ.ย. ขยายตัวได้มากถึง 12.1%


· ธนาคารกลางจีนเสนอเพิ่มเงินกู้ระยะกลางเพื่อบรรเทาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ


· ราคาบ้านในจีนชะลอตัวลงในเดือนก.ค. ทำต่ำสุดรอบ 6 เดือน อันเนื่องจากมาตรการเข้มงวดเพื่อดำเนินการกับความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่รวมถึงการจำกัดการเข้าซื้อบางส่วนด้วย


· เศรษฐกิจญี่ปุ่นไตรมาสที่ 2 รีบาวน์ แม้จะเผชิญผลกระทบจาก Covid-19


สัญญาณจากการอุปโภคบริโภคและค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนต่างๆที่ฟื้นตัวได้ช่วยหนุนจีดีพี Q2 ของญี่ปุ่นให้ภาพรายปีขยายตัวได้ 1.3% หลังจากที่ไตรมาสแรกถูกปรับทบทวนมาที่ 3.7%

ขณะที่นักวิเคราะห์ต่างๆคาดว่า การขยายตัวที่เกิดขึ้นดูจะยังเป็นการขยายตัวในระดับปานกลาง เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นยังคงเผชิญกับการประกาศสภาวะฉุกเฉินและการต่อสู้กับยอดติดเชื้อใหม่ที่กระทบกับค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือน


· จีดีพีไทยไตรมาสสองขยายตัวเกินคาด โดยได้รับอานิสงส์จากส่งออกและค่าใช้จ่ายภาครัฐ - ปัญหา Covid-19 ยังคงกระทบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิ

ทั้งนี้ หน่วยงานรัฐบาลไทยหั่นจีดีพีไทยปี 2021 ลงสู่ระดับ 0.7-1.2% จากกรอบเดิม 1.5-2.5% ท่ามกลางการต่อสู้ในการสกัด Covid-19 ที่กำลังระบาดหนักและ "อัตราการฉีดวัคซีนล่าช้า" ในประเทศ โดยที่จีดีพีไทยปีที่แล้วหดตัวไปกว่า -6.1%

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ระบาดในไทยยังเลวร้ายและดูจะเห็นยอดติดเชื้อลแะเสียชีวิตอยู่ในระดับสูง ท่ามกลางการประกาศใช้มาตรการเข้มงวดในกรุงเทพและปริมณฑลตั้งแต่เดือนก.ค. ก่อนที่จะขยายมาตรการต่อในเดือนนี้ ซึ่งในกลุ่มจังหวัดดังกล่าวถือเป็นส่วนสำคัญของจีดีพีไทยด้วยสัดส่วน 80%


· CDC สหรัฐฯ เผยมีการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนแล้ว 356.4 ล้านโดส


· ซิดนีย์เผชิญยอดเสียชีวิตรายวันที่มากสุดเป็นประวัติการณ์จาก Covid-19 ขณะที่เมืองเมลเบิร์นขยาย Lockdown


· ญี่ปุ่นประกาศขยายภาวะฉุกเฉินออกไปจนถึงกลางเดือนก.ย. ซึ่งสภาวะ Soft Lockdown จะประกอบด้วยกรุงโตเกียว และอีกหลายๆจังหวัดในภูมิภาค


· ตอลิบานเข้ายึดทำเนียบประธานาธิบดีอัฟกานิสถานในกรุงคาบูล ท่ามกลางนักการทูตตะวันตกหลบหนีออกจากประเทศ


· ตอลิบานประกาศ "ยุติสงคราม" หลังประธานาธิบดีและเจ้าหน้าที่นักการทูตลี้ภัยออกจากกรุงคาบูล


· อังกฤษย้ำจุดยืนว่า "กองกำลังอังกฤษ" และ "นาโต้" จะไม่กลับไปร่วมต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายและผู้ก่อความไม่สงบอีกครั้ง หลังจากที่กลุ่มตอลิบานเข้าควบคุมอัฟกานิสถาน


· สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ยืนยัน ถึงการลาออกของ "นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน" และบรรดาคณะรัฐมนตรีของเขา


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com