MTS Help Center

 

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด +1.4% ที่ระดับ 1,776.21 เหรียญ
เช้านี้ทำสูงสุด 1,779 เหรียญ

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +1.5% ที่ระดับ 1,778.20 เหรียญ

 

·         Gold Online Futures ตลาด TFEX ปิด +1.17% หรือ 20.50 เหรียญ แตะ 1,780 เหรียญ

 

·         ราคาทองคำปิดปรับขึ้นได้กว่า 1% และทดสอบ 1,780 เหรียญได้ เป็นผลจาก
- ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ช่วงต้นเดือนส.ค. ทำต่ำสุดรอบ 10 ปี ที่ระดับ 70.2 จุด จาก 81.2 จุดในเดือนก.ค.
- นักลงทุนคลายกังวลจากโอกาสที่เฟดจะทำการลดการซื้อพันธบัตรในเร็วๆนี้
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ร่วงหลุด 1.3% ปิดตลาดที่ 1.287%
- ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าทำต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์ ปิด -0.4% ที่ระดับ 92.598 จุด ซึ่งเป็นต่ำสุดตั้งแต่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา
- อุปสงค์ทองคำแบบ Physical ในจีนและอินเดียเพิ่มสูงขึ้น

 

·         นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities คาดหวังว่า ความต้องการในอินเดียที่กำลังเพิ่มขึ้นจะเป็นไปอย่างยั่งยืน จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ราคาขยับขึ้นจากที่ปรับตัวลดลงไปได้

 

·         ซิลเวอร์ปิด +2.4% ที่ 23.72 เหรียญ

ซิลเวอร์ขยับขึ้นตามราคาทองคำ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากข้อจำกัดความเป็นจริงด้านอุปทานในตลาดทองคำ

·         แพลทินัมปิด +1% ที่ 1,028.65 เหรียญ

·         พลาเดียมปิด +1.2% ที่ 2,654.76 เหรียญ

นักวิเคราะห์จาก TD Securities กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่ราคาพลาเดียมและแพลทินัมจะปิดพุ่งขึ้นจากการใช้พลังงานทดแทนเพื่อจำกัดมลภาวะทางอากาศ ขณะดียวกัน น่าจะเห็นอุปสงค์ของแพลทินัมปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป

 

·         CEO จาก Circle Squared Alternative Investments  กล่าวว่า การปรับตัวลงในทองคำดูจะเผชิญกับภาวะ Overdone เล็กน้อย แต่ก็จะเห็นได้ว่า ทองคำเริ่มต้นตอบรับกับความเป็นจริงเกี่ยวกับข้อมูลทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทั่วโลก

 

·         สัญญาณความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นจากผลกระทบของ Delta Covid-19 ที่ระบาดอย่างรวดเร็ว ขณะที่ข้อมูลความเชื่อมั่นสหรัฐฯสะท้อนการปรับลงทำต่ำสุดรอบ 10 ปีตั้งแต่ช่วงต้นเดือนส.ค.

 

·         กองทุนทองคำ SPDR ยังคงเทขายทองออกอีก 1.75 ตัน หลังจากที่ไม่ทำอะไรมา 3 วันทำการ ปัจจุบันถือครองทองคำที่ 1,021.79 ตัน

การขายต่อเนื่องในเดือนส.ค. ส่งผลให้มีปริมาณการขายสุทธิ 9.67 ตัน

รวมตั้งแต่ ม.ค. – 13 ส.ค. กองทุน SPDR ขายทองคำแล้ว 148.95 ตัน

 

·         Bitcoin ปิดพุ่ง 7.07% แตะ 47,587.38 เหรียญ – Ether ปิด +7.86% แตะ 3,284.18 เหรียญ หนุนนักวิเคราะห์คาดอาจเห็นการขึ้นต่อไปแตะ 50,000 เหรียญ

 

·         “แนนซี เพโลซี” โฆษกประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เรียกร้องคณะกรรมาธิการกำกับดูแลสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการพิจารณาแก้ไขแผนร่างโครงสร้างพื้นฐานทั้งวงเงิน 1 ล้านล้านเหรียญ และ 3.5 ล้านเหรียญควบคู่กัน

จะเห็นได้ว่า ความพยายามดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนเพื่อรักษาการแก้ไขข้อแตกต่างที่อาจเป็นตัวขัดขวางร่างกฎหมายลำดับความสำคัญของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

 

·         “คริสติน ลาการ์ด” ประธานอีซีบี “ไม่ได้เข้าร่วม” กับการประชุมนาคารกลางประจำปีที่จะเกิดขึ้นช่วงเดือนส.ค. เช่นเดียวกันกับผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ จากข้อจำกัดด้านการจัดงาน

ขณะที่กระแสวิพากวิจารณ์เกิดขึ้นว่า น่าจะเห็น นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด อาจมีการส่งสัญญาณถึงความพร้อมที่จะเริ่มต้นผ่อนถอนนโยบายสนับสนุนทางการเงินในการกล่าวถ้อยแถลง ณ ที่ประชุมดังกล่าว

 

·         รายงานจาก Reuters ชี้ บรรดานักวิเคราะห์ มองการขยายตัวของตอลิบานในอัฟกานิสถาน ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลต่อสถานการณ์ในอัฟกานิสถานจากนี้

 

·         สหรัฐฯ เริ่มทำการอพยพสถานทูตในกรุงคาบูลหลังตอลิบานล้อมกรุง

 

·         กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เห็นพ้องเพิ่มกองกำลังทหารไปยังกรุงคาบูล เนื่องจากควมมั่นคงทางท่าอากาศยานยังไม่มีเสถียรภาพ

 

·         “บลินเคนส์” รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ  กล่าวว่า การอยู่ในอัฟกานิสถานต่อไป ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดแก่สหรัฐฯ

 

·         จีนเตรียมรับรองกลุ่มตอลิบานเป็นรัฐบาลอัฟกานิสถาน

 

·         สื่อท้องถิ่นรายงานว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซียไปต่อไม่ไหว ประกาศลาออกจากตำแหน่งในวันนี้จากแรงกดดันรอบด้าน

อย่างไรก็ดี การลาออกดังกล่าว อาจจะยุติความวุ่นวายในประเทศตลอดช่วง 17 เดือนได้ แต่ก็จะนำมาซึ่งความไม่แน่นอนที่“เพิ่มมากขึ้น” แก่ประเทศมาเลเซีย ที่ยังไม่สามารถจัดการกับการระบาดของ Covid-19 ที่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจอยู่ในทิศทางขาลง

  

 

·         COVID-19 UPDATES:

สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มสูงขึ้น 467,297 ราย ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 208 ล้านราย ล่าสุดอยู่ที่ 207.94 ล้านราย และเสียชีวิตสะสมเพิ่มมาที่ 4.37 ล้านราย

อิหร่านยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของโลก ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันอยู่ที่ 36,736 ราย  ขณะที่ไทยขึ้นมาครองอันดับ 6 ของโลกที่มียอดติดเชื้อใหม่มากที่สุด

ประเทศที่มีการเสียชีวิตสูงสุดอันดับที่ 1 ของโลกยังคงเป็นอินโดนีเซีย ขณะที่ไทยขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 11 ของโลกแล้ว

 

·         “ดร.สก็อต ก็อททิเลียบ” อดีตประธานองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ คาดว่า สถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ในสหรัฐฯ และชาติตะวันตกอื่นๆ จะกลายเป็น “โรคเฉพาะถิ่น” (Endemic) หลังจำนวนการระบาดของ Delta Covid-19 เพิ่มสูงขึ้น

 

·         สถานการณ์ระบาดในประเทศไทย

ยอดติดเชื้อไทยวันเสาร์ทะยานเหนือ 22,000 รายทำ New High ใหม่
โดยพบติดเชื้อ 22,086 ราย และเสียชีวิต 217 ราย

ขณะที่วันอาทิตย์พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 21,882 ราย และเสียชีวิต 209 ราย

 

รายงานล่าสุดเช้านี้ ไทยยังพบติดเชื้อใหม่เพิ่ม 21,157 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิต 182 ราย ยิ่งตอกย้ำถึงสถานการณ์การระบาดของโควิดไทยนั้นยังคงวิกฤติ รวมทั้งยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

จำนวนยอดติดเชื้อสะสมในประเทศไทยรวมสูงถึง 928,314 ราย และผู้เสียชีวิตรวม 7,734 ราย

ด้านกระทรวงสาธารณสุขไทย คาดการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในไทยถึงวันที่ 7 ก.ย. 64 โดยเชื่อว่าหากไม่มีการล็อกดาวน์จะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงถึง 6-7 หมื่นราย

 

·         นักบริหารการเงิน มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ไว้ที่ระหว่าง 33.00-33.50 บาท/ดอลลาร์ฯ

 

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

- ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/64 ของไทย

- สถานการณ์โควิดในประเทศ

- รายงานการประชุมกนง. (BOT MPC Minutes) เมื่อ 4 ส.ค.

 

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญประกอบด้วย

- ยอดค้าปลีก

- ยอดการผลิตภาคอุตสาหกรรม

- ยอดการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ค.

- ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก

- ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย

- ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค.

- บันทึกการประชุมเฟด (FOMC minutes) เมื่อวันที่ 27-28 ก.ค.

 

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามจีดีพีไตรมาส 2/64 ของญี่ปุ่นและยูโรโซน

รวมถึงข้อมูลอัตราดอกเบี้ย LPR และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ค. ของจีน เช่น ยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมด้วยเช่นกัน

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- จับตาประชุมสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ จะแถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/64 ในวันนี้ เวลา 09.30 น.

พร้อมคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 64 และปี 65 จากผลกระทบวิกฤติโควิดต้องจับตาว่ารอบนี้สภาพัฒน์จะปรับลดจีดีพีในปีนี้ลงจากกรอบเดิมที่เคยประมาณการไว้ที่1.5-2.5% หรือไม่

- จับตาเนื้อหาสำคัญที่ผู้ว่าการธปท.จะพูดในงาน Meet the press วันนี้ซึ่งต้องดูว่าจะมีการพูดถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ หลังจากที่นักวิเคราะห์หลายสถาบันเริ่มออกมาคาดการณ์ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันที่ได้ รับผลกระทบหนักจากวิกฤติโควิด ทำให้มีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าเดือนก.ค.