• สรุปข่าววันหยุด (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 12 สิงหาคม 2564

    12 สิงหาคม 2564 | Gold News


·       ราคาทองคำปรับขึ้นมากสุดรอบ 13 สัปดาห์ แถว 1,750 เหรียญ

นักวิเคราะห์จาก FXStreet กล่าวว่า ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพ.ค. โดยสามารถกลับมายืนแนว 1,750 เหรียญในวันนี้ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายปานกลางที่หนุนให้ราคากลับมาเป็นขาขึ้น

ขณะที่ปัจจัยท้าทายราคาทองคำ ได้แก่ ถ้อยแถลงสมาชิกเฟด

- นางแมรี ซี. ดาร์ลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก

ให้สัมภาษณ์กับ Financial Times โดยระบุว่า "การลดการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ ควรเริ่มต้นเร็วที่สุดในปีนี้"

 

- นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตี้

กล่าวว่า หนทางการปรับเปลี่ยนนโยบายยังอีกไกล

 

- นายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส  และ นายโธมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์" กล่าวในเชิงเดียวกัน "หนุนการลด QE"


สำหรับสถานการณ์ต่อสู้กันระหว่าง "การฉีดวัคซีน" vs "วิตกกังวล Covid-19" เป็นอีกปัจจัยที่สร้างความไม่แน่นอนให้กับบรรดาเทรดเดอร์ทองคำ

สำนักข่าว NBC News รายงานว่า องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) เตรียมให้เริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ

ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าจากระดับแข็งค่ามากสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. เมื่อวานนี้ และเคลื่อนไหวแถว 92.88 จุด  ขณะที่การอ่อนค่าของดอลลาร์ครั้งนี้ ดูจะสัมพันธ์กับดัชนี S&P500 Futures ที่ไม่ได้ขยับมากนัก แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ยังแกร่งทรงตัวบริเวณ 1.35%

เทรดเดอร์ทองคำกำลังพิจารณาถึง "แนวโน้มเชิงบวกที่มากขึ้น" ที่เกิดขึ้นควบคู่กับ "การอ่อนค่าของดอลลาร์"

สำหรับคืนนี้ ตลาดให้ความสนใจกับการประกาศดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯในคืนนี้ (PPI) ที่คาดว่ารายปีจะยังทรงตัวที่ระดับ 5.6% ในเดือนก.ค.


และเวลาเดียวกัน 19.30น. จะมีการประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่มีแนวโน้มจะเห็นคนว่างงานลดลงจาก 385,000 ราย สู่ระดับ 375,000 ราย




·       FXStreet วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ภาพทางเทคนิคราคาทองคำยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย MA ราย 5 วัน เป็นครั้งแรกในเดือนส.ค. โดยได้รับอานิสงส์สัญญาณ RSI ที่ฟื้นตัวจากแดน Oversold จึงบ่งชี้ว่า "ทองคำอาจกลับไปแถว 1,760 เหรียญได้"



อย่างไรก็ดี  หากมีสัญญาณขาขึ้นทางเทคนิคใดๆจาก MACD (ที่ยังอยู่ในภาวะขาลง) ก็อาจจะยิ่งตอกย้ำว่ามีโอกาสเห็นทองคำปรับขึ้นได้อย่างแข็งแกร่


กรณีที่ทองคำจะกลับมาเป็น "ขาลงอีกครั้ง"

- ต้องกลับลงมาแถว 1,700 เหรียญ ที่เป็นกรอบ Ascending Trend ที่วัดจากช่วงต้นเดือนมี.ค. ถึง ต่ำสุดของปีนี้

- ถ้าทองหลุด 1,700 เหรียญ แนะจับตา 1,688 เหรียญ และ 1,676 เหรียญ


·       
ทองคำร่วงสัปดาห์นี้ ส่งผลให้บรรดานักวิเคราะห์คาดอาจเห็นการปรับตัวลงต่อ!

หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Commonwealth Bank of Australia กล่าวว่า ราคาทองคำเผชิญแรงเทขายวานนี้ จากตลาดเอเชียที่เข้าซื้อดอลลาร์ และขายทอง ขานรับข้อมูลจ้างงานเศรษฐกิจสหรัฐฯเดือนก.ค. ที่แข็งแกร่ง

ดังนั้น ถึงจะเห็นทองคำปรับตัวขึ้น แต่ก็ยังยากที่จะเห็นทองคำกลับสู่สภาวะ "ขาขึ้น" โดยเฉพาะแนวโน้ม Hawkish ของเฟด ควบคู่กับการปรับแข็งค่าของดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ที่ยังกดดันทองอยู่

อย่างไรก็ดี คาดว่า ราคาทองคำอาจปรับตัวลดลงไปแตะ 1,700 เหรียญ ช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า

นักวิเคราะห์อีกราย คาดอาจเห็นทองคำดิ่งลงไปถึงระดับ 1,600 เหรียญ


·       ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯก.ค. ยังร้อนแรง แต่ค่าเช่าไม่ได้สะท้อนว่าถึงการเพิ่มขึ้นที่อาจหนุนให้เงินเฟ้อปรับขึ้นต่อ

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ ระบุถึงสัญญาณการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อที่ยังเป็นเพียง "ชั่วคราว" จากมุมมองของสมาชิกเฟด แต่สิ่งที่น่าสังเกต คือ การที่กลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่มีการใช้จ่ายค่าเช่าน้อยลง ก็คาดว่าอาจจะเป็นตัวหนุน "เงินเฟ้อปรับขึ้นในอนาคต"


·       Reuters เผยมุมมองนักวิเคราะห์กลับมาให้ความสนใจ "เฟด" อีกครั้ง จากสัญญาณเงินเฟ้อที่เข้าสู่จุด "พีค"

ข้อมูล CPI ของสหรัฐฯ ตอกย้ำถึงสภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯที่อาจเข้าสู่จุดพีคไปแล้ว จึงทำให้นักลงทุนประเมินว่า "เฟดอาจไม่ลังเลใจที่จะดำเนินการตามแผนการควบคุมนโยบายสนับสนุนทางเศรษฐกิจ  แต่เฟดอาจมีความกังวลเรื่องการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อที่อาจยังเป็นปัจจัยกดดันทุกอย่างตั้งราคาพันธบัตร ตลอดจนค่ามาร์จินหุ้นกู้


·       ดอลลาร์อ่อนหลัง CPI อ่อนตัว ตลาดรอ PPI คืนนี้

แม้หุ้นสหรัฐฯจะทำสูงสุดประวัติการณ์แต่ก็ล้มเหลวที่จะหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดเอเชีย  ท่ามกลางการซื้อขายในตลาดแดนลบอันเนื่องจาก

- มาตรการเข้มงวดในจีน

- สถานการณ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นจากผลกระทบของ Delta Covid-19 ที่ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก

ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง และเคลื่อนไหวสะสะมพลังหลังทราบข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่บรรเทากระแสเฟดลด QE โดยดัชนีดอลลาร์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและทรงตัวที่ 92.89 จุด ขณะที่วานนี้ทำแข็งค่ามากสุด 93.195 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เห็นมาตั้งแต่ 1 เม.ย.

ค่าเงินยูโรทรงตัวในทิศทางแข็งค่า และยืนเหนือ 1.1750 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินปอนด์ทรงตัวในกรอบล่างหลุด 1.3900 ดอลลาร์/ปอนด์ จากความวิตกกังวลสถานการณ์ Post Brexit และสภาวะตลาดที่ยังเป็นขาลง ที่เข้ากดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษที่กำลังปรับขึ้นด้วย


·       เฟดอาจเริ่มต้นลด QE เร็วสุด "ต.ค." นี้

ผู้เชี่ยวชาญจาก CNBC และ Ritholtz Wealth Management หารือโอกาสเป็นไปได้ของเฟดเรื่อง 'Tapering QE' ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า  โดยมองว่า ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดนั้นดูจะไม่เป็นตัวเร่งเฟดมากนัก

 

·       CNBC เผยมุมมอง นักเศรษฐศาสตร์ ที่ระบุว่า สัญญาณเงินเฟ้อยังเป็นสภาวะ "ชั่วคราว"


·       Bloomberg รายงานว่า จีนออกแผน 5 ปี สำหรับข้อเรียกร้องมาตรการต่อภาคธุรกิจที่มากขึ้น ท่ามกลางการปราบปรามของรัฐบาลจีนเวลานี้


·       จีนส่งสัญญาณจะร่างกฎหมายฉบับใหม่ด้านความมั่นคงนวัตกรรมทางเทคโนโลยีการต่อต้านการผูกขาด และการศึกษา ในพื้นที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ

ทั้งนี้ การประกาศดังกล่าวของจีน เป็นการส่งสัญญาณว่า จะมีแนวทางการปราบปรามด้านอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวการจัดการข้อมูล และต่อต้านการผูกขาด รวมถึงปัญหาอื่นๆที่จะดำเนินต่อไปตลอดปีนี้

 

·       ราคาน้ำมันดิบทรงตัวหลังสหรัฐฯเรียกร้องผู้ผลิตน้ำมันว่า "การเพิ่มการผลิต" จะสร้างความกังวลจากเศรษฐกิจที่บรรเทาผลกระทบจากการใช้มาตรการเข้มงวดสกัด Covid-19

สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 5 เซนต์ บริเวณ 71.49 เหรียญ/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 4 เซนต์ ที่ 69.29 เหรียญ/บาร์เรล


·       ตอลีบานต่อสู้กับกองทัพรัฐบาล - สหรัฐฯเป็นกังวลว่า "เมืองคาบูล" อาจตกเป็นเมืองขึ้นได้ในอีก 90 วัน


·       ทูตเกาหลีเหนือ เรียกร้องความร่วมมือกับ "รัสเซีย" เพื่อต่อต้านสหรัฐฯ


·       หุ้นเอเชียร่วงจากกังวล Delta แม้หุ้นสหรัฐฯวานนี้จะปิดทำสูงสุดประวัติการณ์



ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวแดนลบ โดยได้รับความกังวลจากสถานการณ์ระบาดของ Delta Covid-19 ที่กำลังกดดันความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนในตลาด แม้ว่าข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯจะช่วยบรรเทาความกังวลที่ว่าเฟดอาจเร่งลดการใช้นโยบายสนับสนุนทางเศรษฐกิจ

 

·       หุ้นยุโรปเปิดทรงตัวจากกังวล Covid-19 จึงชดเชยกับมุมมองเชิงบวกของตลาดหุ้นสหรัฐฯ

 

ตลาดหุ้นยุโรปเปิดผสมผสานกัน ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับยอดติดเชื้อ Covid-19 ทั่วโลก ที่บดบังความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ขานรับข้อมูลเงินเฟ้อ

ดัชนี Stoxx600 เปิดทรงตัว

หุ้นกลุ่มรัพยากรพื้นฐานดิ่ง -1.3%

หุ้นกลุ่มเทเลคอมส์ ปรับขึ้น +0.6%


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com