“เจเน็ต เยลเลน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กล่าวถึง “อัตราเงินเฟ้อ” ที่น่าจะอ่อนตัวลงในช่วงปลายปี 2021 แม้จะเห็นตัวเลขเมื่อเทียบรายปียังอยู่ระดับสูงที่เปรียบเทียบกับช่วงที่ได้รับผลกระทบของ Covid-19 ระบาด
การกล่าวย้ำของนางเยลเลน สะท้อนว่า ณ ปัจจุบัน เธอยังคงมีมุมมองต่อเงินเฟ้อเป็นการปรับขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น อันเป็นผลจากภาวะคอขวดทางด้านอุปทาน และการเปลี่ยนแปลงความต้องการใช้จ่ายที่เป็นผลจากการระบาดและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ “เยลเลน” ยังคงหนุนแผนเศรษฐกิจของ “ไบเดน” ว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะรักษาความเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ นางเยลเลนพยายามหนุนและผลักดันร่างข้อตกลงโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถประนีประนอมร่วมกันทั้ง 2 พรรคได้ รวมทั้งหนุนแผนโครงสร้างพื้นฐานตามข้อเสนอของพรรคเดโมแครตในวงเงินมหาศาล 3.5 ล้านล้านเหรียญ
ขณะเดียวกัน นางเยลเลนได้เรียกร้องให้ทางวุฒิสภาฯ “ผ่าน” ร่างกฎหมาย 1 ล้านล้านเหรียญ ในการช่วยยกระดับค่าแรง, การลดความไม่เท่าเทียม และเตรียมงบสำหรับต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
สำหรับการลงทุนในด้าน สถานีเติมพลังงานรถยนต์ไฟฟ้ากว่าครึ่งล้าน อาจ “เร่ง” ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านพลังงานสะอาด และ หนุนความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจมากขึ้นได้
นางเยลเลน เรียกร้องให้ สภาคองเกรสจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปทีแผนการลงทุนอื่นๆของ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯด้วย โดยเฉพาะ “America Families Plan” ที่จะรวมการเพิ่มการเข้าถึงด้านการศึกษาและสวัสดิการเด็ก รวมทั้งการขยายภาษีเงินคืนเด็ก และเพิ่มขีดความสามารถด้านการใช้จ่ายให้แก่ภาคครัวเรือน พร้อมกันนี้ยังช่วยฟื้นฟูระบบสาธารณสุขด้วย
อย่างไรก็ดี เยลเลนยังสนับสนุนการเลื่อนระยะเวลาการพักชำระหนี้ของสหรัฐฯ ออกไปอีก 60 วัน เพื่อต่อเวลาความเร็วของกองทุนช่วยเหลือผู้เช่า
ที่มา: CNBC, Reuters