• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 15 กรกฎาคม 2564

    15 กรกฎาคม 2564 | Gold News


ทองขึ้นจาก “โพเวลล์” ลดมุมมองเฟดลด QE


ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้วานนี้ โดยได้รับอานิสงส์จาก

- ถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ต่อสภาคองเกรสในคืนแรก ที่ยังไม่รีบดำเนินการเปลี่ยนแปลงนโยบายมาเป็นแบบ Hawkish

- นักลงทุนตอบรับกับการที่เฟดจะเดินหน้าผ่อนคลายการเงินต่อไป แม้เงินเฟ้อในปัจจุบันจะอยู่ระดับสูง

- ดัชนี CPI และ PPI สหรัฐฯ สะท้อนถึงการปรับขึ้นต่อเนื่องในเดือนมิ.ย.

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปีปรับตัวลงแตะ 1.35%

- ดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.4% ที่ 92.428 จุด หลังจากที่ช่วงต้นตลาดทำสูงสุดบริเวณ 92.832 จุด


· ราคาทองคำตลาดโลกปรับขึ้นประมาณ 1% ที่ 1,824.75 เหรียญ

· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค. ปรับขึ้น +0.8% ที่ 1,825 เหรียญ


· นักวิเคราะห์ฝ่ายการตลาดอาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า ถ้อยแถลงของประธานเฟด ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าเงิเนฟ้อจะยังเป็นเพียงภาวะ “ชั่วคราว” และยังมีท่าทีผ่อนคลายทางการเงินต่อไป


แต่หากอีซีบีส่งสัญญาณ Dovish มากขึ้น รวมทั้งธนาคารกลางจีนที่อาจเตรียมผ่อนคลายต่อไป ก็อาจกลายมาเป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์ในระยะสั้น แต่ภาพรวมก็จะยังเป็น “ข่าวดี” สำหรับทองคำที่ตอบรับเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ จึงน่าจะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำอย่างมาก


· บรรดานักลงทุน ค่อนข้างขานรับกับมุมมองของเจ้าหน้าที่อีซีบีที่ไม่เร่งรีบเปลี่ยนนโยบายมาคุมเข้มทางการเงินเร็วกว่าที่คาดการณ์


· นักวิเคราะห์จาก TD Securities มองว่า กองทุนต่างๆในจีนอาจเริ่มกลับมาซื้อทองคำมากขึ้นเมื่อจังหวะราคาอ่อนตัว และการซื้อทองคำแท่งก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนราคาทองคำด้วย


· กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ ทำการขายทองคำออก 2.91 ตัน ปัจจุบันลดการถือครองมาที่ 1,034.37 ตัน ส่งผลให้เดือนก.ค. มีสถานะขายรวมแล้ว 11.41 ตัน



ขณะที่ภาพรวมตั้งแต่ม.ค. ถึง ปัจจุบันกองทุนทองคำ SPDR มีสถานะขายสุทธิ 136.37 ตัน


· ราคาพลาเดียมปรับขึ้น 0.2% ที่ระดับ 2,833.50 เหรียญ

· ราคาแพลทินัมปิด +2.3% ที่ระดับ 1,130.01 เหรียญ


· นักวิเคราะห์จาก HSBC คาดว่า แพลทินัมอาจมีภาวะเกินดุลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปีนี้ แต่ราคาจะยังคงอยู่ในระดับสูงจากความต้องการในกลุ่มผลิตรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น จึงมองราคาเฉลี่ยปีนี้ไว้ที่ 1,160 เหรียญ


· ซิลเวอร์ปิด +0.8% บริเวณ 26.18 เหรียญ


· “โพเวลล์” ย้ำ เฟดยัง “ห่างไกล”” จากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย และคาดเงินเฟ้อจะปรับลงปานกลาง

สรุปถ้อยแถลงของ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลบริการด้านการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ




· Fed Beige Book ชี้ จ้างงานสหรัฐฯแกร่ง – ราคาเงินเฟ้อขึ้น – เศรษฐกิจสหรัฐฯยังเดินหน้าฟื้นตัวต่อ

รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจโดยองค์รวมของเฟด หรือ Fed Beige Book ระบุถึง ภาวะการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเป็นวงกว้างในช่วงต้นเดือนก.ค. ตอกย้ำความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทักษะอาชีพต่ำ

แต่การปรับขึ้นของราคาต่างๆยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ย ขณะที่การติดต่อภาคธุรกิจดูจะปรากฏถึงความไม่แน่นอนว่าเงินเฟ้อที่กำลังปรับขึ้นนั้นจะอ่อนตัวลงได้ในเร็วๆนี้หรือไม่


· ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯขยายตัวขึ้นรายปีมากที่สุดครั้งประวัติการณ์ในรอบกว่า 10 ปีครึ่ง

ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐฯขยายตัวได้อย่างรวดเร็วในเดือนมิ.ย. หนุนภาพรวมรายปีทำสูงสุดรอบกว่า 10 ปีครึ่ง ตอกย้ำสภาวะเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง แม้ว่าอุปสงค์ก็อยู่ในระดับสูงเช่นกันเพราะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังเผชิญวิกฤต Covid-19 ที่ก่อให้เกิดอุปสรรคของห่วงโซ่อุปทาน

ดัชนี PPI เดือนมิ.ย. ขยายตัวขึ้นแตะ 1% จาก 0.8% ในเดือนก่อนหน้า อันเป็นผลจากค่าใช้จ่ายในภาคบริการที่เพิ่มขึ้นเกือบ 60% และราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น 1.2% หลังจากเดือนที่แล้วปรับขึ้นแรง 1.5%

ภาพรวมดัชนี PPI รายปีขยายตัวขึ้นแตะ 7.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นการปรับขึ้นที่ดีที่สุดตั้งแต่พ.ย. ปี 2010 ขณะที่เดือนพ.ค. ขยายตัวได้ 6.6% เมื่อเทียบปีก่อน


เงินเฟ้อ มีแนวโน้ม “ทำจุดพีค”

ภาพรวมการขึ้นของเงินเฟ้อเป็นผลส่วนหนึ่งจากก
-การที่เฟดยังคงดอกเบี้ยระดับต่ำใกล้ศูนย์มาตั้งแต่ปีที่แล้ว
- เฟดมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการเข้าซื้อพันธบัตร
- ภาพรวมเฟดใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน “ฉบับพิเศษ”
- แรงหนุนจากโครงการฉีดวัคซีนในประเทศ
- รัฐบาลสหรัฐฯมีการอัดฉีดแพ็คเกจเยียวยาเป็นการช่วยเหลือเศรษฐกิจและประชาชนตั้งแต่เกิดการระบาดตั้งแต่มิ.ย. ปีที่แล้ว ทำให้ภาพรวมภาครัฐมีการช่วยเหลือแล้วเกือบ 6 ล้านล้านเหรียญ จึงช่วยสนับสนุนให้อุปสงค์ในตลาดเพิ่มสูงขึ้น


อย่างไรก็ดี ภาพของเงินเฟ้อมีแนวโน้มจะกำลังเข้าใกล้จุดพีค โดยจะเห็นได้จากข้อมูล Core PPI ที่ไม่รวมอาหาร, พลังงานและบริการซื้อขายก็ปรับตัวขึ้นได้ 0.5% ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 0.7% ในเดือนพ.ค. และทำให้ภาพรายปีของดัชนี Core PPI ทำสูงสุดตั้งแต่ส.ค.ปี 2014 ที่ระดับ 5.5% ในเดือนมิ.ย. จาก 5.3% ในเดือนก่อนหน้า


· อีซีบีเริ่มสร้างค่าเงินดิจิทัล “ยูโร” ของตนเอง ท่ามกลางกลุ่มผู้บริโภคที่ลดการใช้จ่ายผ่านงินสด


· บีโออีคาดว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะ “รุ่งเรือง” จากการกลับมาเปิดทำการ ท่ามกลางการปรับตัวสูงขึ้นของเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ บีโออีคาดว่าอาจเห็นเงินเฟ้อพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3% ได้ในช่วงสิ้นปีนี้ จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวหลังเผชิญภาวะทรุดตัวครั้งประวัติศาสตร์ในปี 2020 แต่ภาพรวมเงินเฟ้อน่าจะเป็นการปรับขึ้นเพียงชั่วคราว และบีโออีจะยังไม่เปลี่ยนท่าทีมาดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินใดๆ


· อิหร่าน เผย จะไม่ทำการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ใดๆ จนกว่า “นายเรซี” จะได้รับการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ


· CORONAVIRUS UPDATES:

ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกใกล้ทะลุ 190 ล้านราย ล่าสุดรวมอยู่ที่ 189.13 ล้านราย ขณะที่เสียชีวิตสะสมรวมที่ 4.07 ล้านราย




· WHO ออกโรงเตือนถึงยอดติดเชื้อ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งในแถบละตินอเมริกา และสหรัฐฯ กำลังสร้างความเสี่ยงให้แก่ภูมิภาค


· สถานการณ์ในไทยล่าสุดเช้านี้ ศบค. รายงานการพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่ม 9,186 ราย และเสียชีวิตเพิ่มอีก 98 ราย

รวมติดเชื้อสะสม 372,215 ราย และเสียชีวิตสะสมในไทย 3,032 ราย



· นักบริหารการเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.60 - 32.75 บาท/ดอลลาร์


· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ศูนย์วิจัย krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยฯ ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปีนี้ ลงเหลือโต 0.5-1.3% จากเดิมที่คาดจะเติบโตอยู่ที่ระดับ 0.8-1.6% (ในเดือนพ.ค.64) เนื่องด้วยการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระลอกนี้ค่อนข้างรุนแรง

โดยพบยอดผู้ติดเชื้อสูงกว่าประมาณการณ์ในครั้งก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาก็ค่อนข้างจะรุนแรงกว่าที่คาดไว้

ศูนย์วิจัยฯ มองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการเยียวยาที่มีอยู่ในปัจจุบันของทางภาครัฐนั้น ยังไม่เพียงพอ เนื่อง จากโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ขณะที่หากมีมาตรการออกมาในลักษณะที่ชักชวนให้ประชาชนมาใช้จ่ายในช่วงนี้ก็คงไม่ ใช่เวลาที่เหมาะสม อาจจะต้องใช้เวลาอีกสัก 1 เดือน ให้สถานการณ์โควิดเริ่มดีขึ้น มองว่าอาจเป็นช่วงเดือนต.ค.64 เป็นต้นไป หรือ โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 4/64 ที่คาดหวังว่าจะมีมาตรการสนับสนุนให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอย ไม่ว่าจะเป็นมาตรการคนละครึ่ง เรา ชนะ หรือเราเที่ยวด้วย เป็นต้น


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com