• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 30 เมษายน 2564

    30 เมษายน 2564 | Gold News




ทองคำปรับตัวลดลงจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรขึ้น ขณะที่พลาเดียมยังทำ New High

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.9ที่ 1,764.5 เหรียญ หลังทำต่ำสุดตั้งแต่ 15 เม.ย. บริเวณ 1,755.81 เหรียญ

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด -0.6ที่ 1,764.20 เหรียญ

 

·         ราคาทองคำปิดปรับตัวลดลงกว่า 1 โดยได้รับแรงกดดันจาก

1. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น แตะ 1.69ทำสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ (ตั้งแต่ 13 เม.ย.)
จากการที่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวถึงแผนค่าใช้จ่ายครั้งใหม่มูลค่าหลายล้านล้านเหรียญ และข้อมูลเศรษฐกิจที่สะท้อนการเติบโตได้อย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาสแรก

2. ดอลลาร์ขยับแข็งค่าขึ้น 90.59 จุด

3. ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาสดใส  




    - จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาดีขึ้นทำต่ำสุดใหม่รอบ 13 เดือน
      โดยมีผู้ขอรับสวัสดิการลดลง 13,000 ราย แตะ 553,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

    - Advance GDP หรือประมาณการณ์จีดีพีไตรมาสที่ 1/2021 ครั้งที่ 1 ของสหรัฐฯ
      พบว่าขยายตัวได้น้อยกว่าคาด แต่ดีขึ้นจากข้อมูลเปรียบเทียบโดยออกมาที่ 6.4
%

    - ข้อมูลยอดอนุมัติขายบ้านเดือนมี.ค. ขยายตัวกลับมาแดนบวกแตะ 1.9%
       แม้จะน้อยกว่าที่คาดการณ์ แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ระดับ -11.5
%

   
4. กองทุน 
SPDR กลับมาเทขายอีกครั้งหลังไม่ได้ทำอะไรมาเกือบ 10 วันทำการ
โดยเมื่อวานนี้ทำการขายทองคำออกมา 4.66 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1
,017.04 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย. 20 ที่ผ่านมา



ภาพรวมเดือนเม.ย.มีสถานะขาย 20.46 ตัน

ตั้งแต่ม.ค. - ปัจจุบัน ปี 2021 กองทุน SPDR ขายทองคำออกแล้วทั้งสิ้น สุทธิ 153.70 ตัน

อย่างไรก็ดี เดือนเม.ย. ปี 2021 กองทุน SPDR ยังมีแรงเทขายอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 โดยมีการขายออกตั้งแต่ต.ค. - ปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 251.85 ตัน

 

5. ดัชนี S&P500 ปิดทำสูงสุดประวัติการณ์ ภาพรวมหุ้นสหรัฐฯเคลื่อนไหวและปิดแดนบวกกดดันความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย

 

·         นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Kitco กล่าวว่า การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเป็นปัจจัยหลักที่เขากดดันราคาทองคำ แต่เรายังเชื่อว่าทองคำในระยะสั้นๆ จะมีการเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น ขณะที่กราฟรายวันก็ยังสะท้อนถึงการปรับขึ้นได้ แต่หากราคาไม่สามารถยืนได้เหนือ 1,800 เหรียญ ก็อาจบอกได้ว่าสัปดาห์หน้าหรือต่อจากนี้ทองคำอาจมีการกลับมาเคลื่อนไหว Sideways หรืออ่อนตัวลงได้


·         ภาวะขาดแคลนอุปทานได้หนุนให้ราคาพลาเดียมปรับขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ครั้งประวัติการณ์ ใกล้ 3,000 เหรียญ

 

·         ราคาพลาเดียมเมื่อวานนี้ปิด +0.2% ที่ 2,932.31 เหรียญ ระหว่างวันทำสุงสุดที่ 2,981.99 เหรียญ

 

·         แพลทินัมปิด -2.9ที่ 1,183.77 เหรียญ

 

·         ซิลเวอร์ปิด -1.1ที่ระดับ 25.90 เหรียญ

 

·         Ether ทำ Record High ใหม่เหนือ 2,800 เหรียญ ขณะที่ Bitcoin ปิดอ่อนตัวลงมา 54,471 เหรียญ  


 

·         บรรดานักเศรษฐศาสตร์ ชี้ ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯที่จะประกาศในคืนวันศุกร์ที่ 7 พ.ค. สัปดาห์หน้า อาจขยายตัวได้ราว 1 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาโตได้อีกครั้ง

 

 

·         แผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนเศรษฐกิจไตรมาสแรกโตได้แข็งแกร่ง

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้อย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาสที่ 1/2021 อันเป็นผลจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯอัดฉีดเม็ดเงินเศรษฐกิจขนานใหญ่ หนุนกลุ่มประชาชนรายได้ปานกลางและรายได้น้อย, กระตุ้นการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภค และคาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวได้ดีที่สุดในรอบเกือบ 40 ปี

Advance จีดีพีสหรัฐฯขยายตัวได้ 6.4% ในประมาณการณ์ครั้งแรกของไตรมาสที่ 1/2020 หลังจากที่ไตรมาสที่ 4/2020 ขยายตัวได้ 4.3% เรียกได้ว่าเป็นการขยายตัวของไตรมาสแรกที่ดีที่สุดตั้งแต่ปี 1984

 

·         ไบเดนประกาศฟื้นประชาธิปไตยอเมริกากลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และกล่าวถึงความสำเร็จในการผลักดันโครงการฉีดวัคซีนในการทำงาน 100 วันแรก ทะลุกว่า 200 ล้านโดส


 

·         แถลงการณ์ต่อสภาคองเกรสครั้งแรก “ไบเดน” ย้ำแผน 1.8 ล้านล้านเหรียญ สำหรับเด็กและครอบครัว  ภายใต้แผนค่าใช้จ่ายครั้งใหม่ที่จะรวมถึงการขยายการคืนภาษีผู้มีรายได้น้อยและขยายภาษีเงินคืนเด็ก

ภาพรวม นายไบเดนมีแผนจะผลักดันแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ ที่มีมูลค่าสูงกว่า 2 ล้านล้านเหรียญตลอดช่วง 8 ปีในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและโครงการอื่นๆ ควบคู่กับมุมมองการยกเครื่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯให้เป็นไปอย่างครบคลุม โดยเฉพาะปัญหาที่ได้รับจากวิกฤตไวรัสโคโรนา

แผนข้อเสนอฉบับใหม่นี้ จะมุ่งเน้นไปยัง 1 ล้านล้านเหรียญสำหรับการลงทุน และอีก 8 แสนล้านเหรียญสำหรับการขยายภาษีเด็กตลอดช่วงกว่า 10 ปี หรืออาจครอบคลุมระยะเวลา 15 ปี อันเนื่องจากการขึ้นภาษีคนรวยในสหรัฐฯ

 

·         ไบเดนย้ำชัดต้องการขึ้นภาษีคนรวยให้ได้ 1.5 ล้านล้านเหรียญ

นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงจุดยืนการมุ่งเน้นไปยังการขยายกองทุนเพื่อการศึกษา, สวัสดิการเด็ก และการจ่ายเงินชดเชย รวมทั้งการปฏิรูปการเก็บภาษีสหรัฐฯ สำหรับผู้มีรายได้ต่อปีเกิน 400,000 เหรียญ

ทั้งนี้ นายไบเดน กล่าวว่า แผน American Families Plan จะมีการรวมการขึ้นภาษีคนรวย โดยตั้งเป้ามูลค่าการเก็บภาษีสูง 1.5 ล้านล้านเหรียญ จากคนรวยในสหรัฐฯ

ภาษีคนรวยครั้งใหม่อาจสูงสุดแตะ 39.6% สูงสุด ก่อนที่จะมีการประกาศใช้แผนลดภาษี ปี 2017 ภายใต้การบริหารของนายทรัมป์

ณ เวลาก่อนหน้านั้นมีการเก็บภาษีต่ำกว่าที่ 37%  ขณะที่ไบเดนมองว่าการเก็บภาษีคนรวย 39.6% คิดเป็นเพียง 1ของคนร่ำรวยในประเทศ

 

·         ไบเดน เรียกร้องสหรัฐฯ “จริงจัง” ด้านการแข่งขันกับจีนมากขึ้น ในเวลาเดียวกันการกล่าวถ้อยแถลงครั้งแรกของเขายังมีท่าทีเข้มงวดกับจีนและรัสเซีย

 

·         ส.ว.สหรัฐฯให้การสนับสนุนการผ่านร่างงบประมาณโครงสร้างประปามูลค่า 3.5 หมื่นล้านเหรียญ อันเป็นหนึ่งในงบโครงสร้างพื้นฐานของไบเดน

 

·         3 ธนาคารขนาดใหญ่ของออสเตรเลียคาดผลประกอบการจะได้รับผลกระทบจาก  Covid-19 กว่าเท่าตัว ได้แก่
Westpac Banking Corp
Australia and New Zealand Banking Group

National Australia Bank (NAB)

·         อ้างอิงประชาชาติธุรกิจ

-นักบริหารเงินคาดว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดวันนี้ แข็งค่าขึ้นที่ 31.27 บาทต่อดอลล่าร์ โดยคาดการณ์กรอบเคลื่อนไหวระหว่างวันแนวรับที่ 31.25 บาท แนวต้านที่ 31.40 บาท

โดยปัจจัยขับเคลื่อนตลาด ได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณยังไม่พิจารณาการลดขนาดมาตรการซื้อสินทรัพย์ แม้จะประเมินว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากโควิด-19 ด้านนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐเตรียมเปิดเผยแผนครอบครัวชาวอเมริกัน วงเงิน 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรส ส่วนเงินบาทแข็งค่า เนื่องจากมีความคืบหน้าของแผนการกระจายวัคซีนและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัว

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

-ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ได้ร่วมกันเปิดตัวการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินรายย่อยของ 2 ประเทศ เป็นครั้งแรกของโลก ได้แก่ ระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) ของประเทศไทย และระบบเพย์นาว (PayNow) ของประเทศสิงคโปร์ การเชื่อมโยงระบบในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือและการทำงานอย่างเข้มแข็งของทุกฝ่าย ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารกลางสิงคโปร์ ผู้ให้บริการระบบการชำระเงิน สมาคมธนาคาร และธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการ

-นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า สำนักวิจัยฯได้ปรับลดมุมมองเศรษฐกิจไทย ปี 64 มาที่เติบโต 2.2% จากเดิมที่คาดว่าเติบโต 2.6% จากการรับมือการระบาดโควิดรอบ 3 ที่ส่งผลกระทบการบริโภคในประเทศรุนแรง แต่มุมมองไม่ได้ปรับลดลงแรงมาก เพราะการส่งออกที่คาดว่าจะเติบโตได้เกือบ 10% เป็นตัวสนับสนุนเศรษฐกิจ

-นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค (RSI) ประจำเดือนเมษายน 2564 พบว่า ดัชนี RSI ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าทุกภูมิภาค เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com