• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564

    15 กุมภาพันธ์ 2564 | SET News

· Bank of America ชี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯเข้าใกล้แดนขาย

รายงานจาก CNBC เผยว่า ตลาดค่อนข้างจับตาความเป็นจริงของตลาดหุ้นจากการเคลื่อนไหวตาม

- กระทุู้ Reddit ที่ส่งผลให้เกิดภาวะ Short Squeeze ดันหุ้น S&P500 พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า 4%

- การเล่นตามกระแสข่าวพลังงานสีเขียว


ในปีที่ผ่านมา นักเศรษฐศาสตร์ของ BofA มีการแนะนำให้นักลงทุนลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง จนกว่าจะเห็นความชัดเจนของทิศทางการเติบโตในตลาดลงทุนมากขึ้น และเขาก็ยังมองว่ามีโอกาสที่จะเห็นสถานะพุ่งขึ้นอย่างมากประกอบกับสภาพคล่องในระดับสูง

แต่ Bull & Bear Indicator ในตอนนี้ ดูจะส่งผลให้นักลงทุนเลือกถือครองสถานะในขาขึ้น แต่ก็ต้องระวังแรงเทขายกลับทำกำไรด้วยเช่นกัน

จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ช่วงต้นเดือนม.ค. ของปีนี้ การเคลื่อนไหวของดัชนีดูจะทำได้ดีทะลุสูงสุดเดิมเมื่อปี 2010 และ 1999 ซึ่งเป็นปีแรกๆที่ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นและขึ้นได้อย่างยาวนานก่อนจะอ่อนตัวลง ซึ่งทุกๆเป้าหมายการปรับขึ้นก็จะเกิดแรงเทขายทำกำไรตามมาในช่วง 2-3 ปีต่อมา

ความน่าสนใจคือ Core of The Market สะท้อนว่า S&P500 มีการเคลื่อนไหวผสมผสานและค่อนข้างทรงตัวได้เป็นอย่างดี ซึ่งถึงแม้จะน่าดูน่าเบื่อไปบ้างก็ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้นได้อยู่ในเวลานี้


· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการเปิดตัววัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาที่ประสบความสำเร็จทำให้ทั่วโลกมีความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความช่วยเหลือทางการคลังใหม่จากสหรัฐฯ ขณะที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจากความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นในตะวันออกกลาง

โดยดัชนี Eurostoxx เพิ่มขึ้น 0.5% ดัชนี DAX เพิ่มขึ้น 0.7% และดัชนี FTSE futures เพิ่มขึ้น

ด้านดัชนี S&P 500 E-mini futures ปรับตัวสูงขึ้น 0.5% ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดทำการเนื่องในวัน Presidents Day

วันนี้ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปิดทำการเนื่องในวันหยุดเทศกาลตรุษจีน

สำหรับปัจจัยที่สำคัญของสัปดาห์นี้น่าจะเป็นรายงานการประชุมเฟดเดือนม.ค.ซึ่งผู้กำหนดนโยบายตัดสินใจที่จะไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย

รวมทั้งข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษ แคนาดาและญี่ปุ่น ขณะที่วันศุกร์จะเห็นเศรษฐกิจสำคัญ ๆ เช่น สหรัฐฯเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นในเดือนก.พ.

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.6% ที่บริเวณ 738.23 จุด ท่ามกลางตลาดภูมิภาคที่เคลื่อนไหวในแดนบวก

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของผลประกอบการและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

โดยดัชนี Nikkei ปิด +1.91% ที่ระดับ 30,084.15 จุด อยู่เหนือระดับสำคัญทางจิตวิทยา 30,000 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค. 1990 ท่ามกลางหุ้นพลังงาน การดูแลสุขภาพและอุตสาหกรรมที่ปรับตัวสูงขึ้น

ด้านดัชนี Topix +1.04% ที่ระดับ 1,953.94 จุด ปิดทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่มิ.ย.

ทั้งนี้ หุ้นของบริษัทที่รายงานผลประกอบการเพิ่มขึ้นเนื่องจากนักลงทุนยังคงเดิมพันในภาคส่วนที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดี ขณะที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา


· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ท่ามกลางการเปิดตัววัคซีนที่ประสบความสำเร็จช่วยเติมเต็มความหวังในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.6% ด้านหุ้นกลุ่มทรัพยากรพุ่งขึ้น 2.5% ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก

โดยตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นทะลุระดับ 30,000 เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปีหลังจากข้อมูลของรัฐบาลพบว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโต 12.7% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2020

ขณะที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นในชั่วข้ามคืน ท่ามกลางความกลัวว่าจะทวีความตึงเครียดในตะวันออกกลาง


· อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เตือนให้ "ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล" และ "ที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล" ที่ประกอบธุรกิจมาตั้งแต่ก่อนวันที่ 27 พ.ย. 63 (ที่ประกาศกระทรวงการคลังมีผลบังคับใช้) และต้องการทำธุรกิจต่อไป ต้องมายื่นคำขอรับใบอนุญาตกับ ก.ล.ต. ภายในวันที่ 24 ก.พ. 64

สำหรับ "ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล" และ "ที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล" ที่เริ่มหลังจากวันที่ 27 พ.ย. 64 ไม่มีข้อยกเว้น ต้องได้รับใบอนุญาตก่อนถึงจะทำธุรกิจได้

ทั้งนี้ "ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล" คือ ผู้ที่รับบริหารจัดการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลให้บุคคลอื่น ส่วน "ที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล" คือผู้ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับมูลค่าของคริปโทเคอร์เรนซี หรือโทเคนดิจิทัล ให้กับประชาชนทั่วไป โดยได้รับค่าตอบแทน




- OR เทรดร้อนแรงไม่หยุด ราคาพุ่งกว่า 20% รับแรงเก็งกำไรต่อเนื่อง

OR ราคาหุ้นร้อนแรงไม่หยุด ดันราคาพุ่งอีกกว่า 20% โบรกฯมองยังมีแรงเก็งกำไรสูง หลังได้ FastTrack เข้าดัชนีดัชนี SET50 และดัชนี MSCI คาดยังมีแรงซื้อขายในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 2 ราคายังวิ่งแรงไม่หยุด ทำราคาเพิ่มขึ้นอีกกว่า 20% ล่าสุดเวลา 10.48 น.ราคาเพิ่มขึ้น 21.77 จุด หรือเพิ่มขึ้น 6.25 บาท มาอยู่ที่ราคา 35.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 19,535 ล้านบาท


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com