· ดอลลาร์ยังทรงตัวในทิศทางแข็งค่าขานรับแนวโน้มเศรษฐกิจ "เชิงบวก"
ดอลลาร์มีระดับการซื้อขายใกล้เคียงระดับแข็งค่ามากสุดรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและเยนในวันนี้ จากมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ
แต่ "บททดสอบใหม่ของดอลลาร์" คือข้อมูล Non-Farm Payrolls หรือการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯ ในคืนวันพรุ่งนี้ เวลาประมาณ 20.30น. ตามเวลาไทย ที่จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเริ่มปีนี้จะก้าวออกจากภาวะถดถอยในปีที่แล้วได้หรือไม่
ตลาดคาดว่าข้อมูลดังกล่าวน่าจะทำให้เราเห็นการจ้างงานเดือนม.ค. ขยายตัวได้ 50,000 ตำแหน่ง และอาจเห็นการปรับทบทวนในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นจาก 140,000 ตำแหน่ง อันเนื่องจากการระบาดของไวรัสจำกัดการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ
ขณะที่เปิดปีมาก็เกิดกระแสคาดการณ์ต่อความหวังจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของรัฐบาลนายไบเดน ที่มาสนับสนุนความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจเพิ่ม ประกอบกับสหรัฐฯมีการฉีดวัคซีนที่เร็วขึ้น
ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 91.066 จุด ยังอยู่ใกล้สูงสุดเดิมตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธ.ค.
ค่าเงินยูโรเคลื่อนไวหใกล้ระดับอ่อนค่ามากสุดรอบ 9 สัปดาห์ที่ 1.2040 ดอลลาร์/ยูโร
ค่าเงินปอนด์ทรงตัวที่ 1.3647 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่ปรับตัวลงไปเมื่อวานนี้ แต่ถ้าเทียบในหน่วยยูโรจะพบว่ายังแข็งค่ามากสุดตั้งแต่พ.ค. ปีที่แล้ว
ค่าเงินปอนด์ทรงตัวเมื่อเทียบดอลลาร์ และมีการซื้อขายใกล้ระดับแข็งค่ามากสุดรอบ 8 เดือนเมื่อเทียบยูโร ขานรับข่าว ประชุมบีโออีจะเผยผลสำรวจความเป็นไปได้เรื่อง "การใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ"
แต่ภาพรวมไม่คาดว่าจะเห็นบีโออีเปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบายการเงินทั้งเรื่องอัตราดอกเบี้ยและการใช้ QE ในการประชุมวันนี้ แต่ค่าเงินปอนด์น่าจะจับตาใกล้ชิด ขณะที่นักลงทุนมองหาความเป็นไปได้ในเรื่อง "ดอกเบี้ยติดลบ"
ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นจากความหวังเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯเช่นกัน ควบคู่กับการที่ RBA จะทำการอัพเดตคาดการณ์เศรษฐกิจในวันศุกร์นี้ ที่อาจยิ่งหนุนให้ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์แข็งค่ามากขึ้น
· อังกฤษทดลองผสมวัคซีน Pfizer และ AstraZeneca ในสูตรสองช็อต
อังกฤษได้ดำเนินการทดลองเพื่อประเมินการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้น หากนำปริมาณของวัคซีน Pfizer และ AstraZeneca มารวมกันสองช็อต
โดยนักวิจัยอังกฤษผู้อยู่เบื้องหลังการทดลอง เปิดเผยข้อมูลว่า ผู้คนที่ได้รับวัคซีนสองประเภทที่แตกต่างกัน สามารถทำให้เข้าใจว่าการฉีดวัคซีนสามารถยืดหยุ่นได้ทั่วโลก โดยข้อมูลการตอบสนองภูมิคุ้มนี้กันคาดว่าจะออกมาช่วงเดือนมิ.ย.
ในการทดลองจะประเมินการตอบสนองภูมิคุ้มกันของวัคซีน Pfizer ในเบื้องต้นและเสริมด้วยวัคซีน AstraZeneca ในทางกลับกันโดยเว้นช่วงระยะห่าง 4-12 สัปดาห์
· นายกรัฐมตรีกรีก เห็นด้วย กับการจัดซื้อวัคซีน โดยผ่านคณะกรรมาธิการยุโรป
นายคิเรียกอส มิตโซตากิส นายกรัฐมนตรีกรีก เห็นด้วย กับการตัดสินใจร่วมกันของประเทศสมาชิกอียู ในการจัดซื้อวัคซีนโดยผ่านคณะกรรมาธิการยุโรป โดยมองว่าประเทศเล็ก ๆ ของกลุ่มอาจจะเผชิญปัญหาร้ายแรงในการเจรจาข้อตกลงนี้ด้วยตัวเอง
แม้ว่าคณะกรรมาธิการยุโรปได้รับคำวิจารณ์อย่างดุเดือดสำหรับการจัดการกลยุทธ์การฉีดวัคซีนและการสร้างความเสียหายให้กับผู้ผลิตยาชาวอังกฤษ – สวีเดน และผู้ผลิตยาAstraZeneca ตลอดจนเรื่องสัญญาจัดหา
อย่างไรก็ตาม นายคิเรียกอส มิตโซตากิส กล่าวว่าหลักการจัดซื้อวัคซีนโดยผ่านส่วนกลางเป็นวิธีที่ถูกต้อง
· สหรัฐฯ และ ออสเตรเลีย ร่วมหารือจัดการปัญหาจีนและพม่า
นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และนายสก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย ร่วมหารือกัน เพื่อร่วมมือจัดการปัญหาระหว่างจีน และรัฐประหารในพม่า
ทั้งนี้การหารือครั้งแรกเกิดขึ้นมาจากการเข้ารับตำแหน่งของนายไบเดน ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างออสเตรเลียและจีน และหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุการณ์รัฐประหารต่อต้านระบอบประชาธิปไตยในพม่าขึ้น
· ไต้หวัน เผย การขาดแคลนชิบรถยนต์ ไม่ใช่ประเด็นหลักของการประชุมกับสหรัฐฯ
นางหวัง เม่ย ฮวา รัฐมนตรีเศรษฐกิจไต้หวัน เผยว่า การชาดแคลนชิบรถยนต์ทั่วโลก ไม่ได้เป็นประเด็นหลักของการประชุมกับสหรัฐในวันพรุ่งนี้
โดยกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า นายแมท เมอเรย์ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงนโยบายการค้าและการเจรจา จะมีส่วนร่วมในการประชุม ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนกันระหว่างผู้อาวุโสของไต้หวันและทีมบริหารของไบเดน
· ยอดเกินดุลการค้าของออสเตรเลียประจำเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากการส่งออกแร่เหล็กไปยังประเทศจีนทำให้เกิดปัญหาทางการทูตระหว่างสองประเทศได้อย่างง่ายดาย
โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติของออสเตรเลียแสดงให้เห็นว่า การส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนประจำเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 21% แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 13.3 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียโดยแร่เหล็กเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในด้านมูลค่าและปริมาณ
ซึ่งทำให้ยอดเกินดุลการค้าของออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเป็น 6.8 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (5.19 พันล้านเหรียญ) จากเดิมที่ 5 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในเดือนก่อนเนื่องจากการส่งออกเพิ่มขึ้น 2.8% และการนำเข้าลดลง 2.4%
· กลุ่มประเทศในแถบแปซิฟิกเลือกตั้งหัวหน้านักการทูตคนใหม่ หลังจากคะแนนโหวตที่ไม่เป็นเอกฉันท์
อดีตนายกรัฐมนตรีของหมู่เกาะคุก ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นเลขาธิการคนใหม่ของหมู่เกาะแปซิฟิก หลังจากที่ร่วมเจรจากันอย่างยาวนาน ถึงการแตกแยกของกลุ่มที่จะส่งเสริมสันติภาพ ความสามัคคีและความมั่นคงในภูมิภาค
ทั้งนี้นายเฮนรี่ ปูนา ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้านักการฑูต หลังจากที่พูดคุยยืดเยื้อมานานกว่า 12 ชั่วโมง ในที่สุดนายเฮนรี่ก็สามารถชนะเจอรัลด์ แซคเคียส ทูตหมู่เกาะมาร์แชลล์ของสหรัฐฯด้วยคะแนนเสียงเก้าต่อแปด
· JPMorgan คาดทิศทางเศรษฐกิจอินโดนีเซียเชิงบวก แม้จะพบยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศสูงขึ้น และมียอดสะสมทะลุ 1 ล้านรายไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้
· น้ำมันดิบปรับขึ้นต่อหลัง OPEC+ ยังคงข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต-สต็กอน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวลง
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อได้ในวันนี้ หลังจากที่ตลาดยังตอบรับข่าวหลัก
1) OPEC+ มีการตรึงข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
2) สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวลดลงทำต่ำสุดตั้งแต่มี.ค. ปีที่แล้ว โดยสัปดาห์ก่อนปรับตัวลงไป 994,000 บาร์เรล แตะระดับ 475.7 ล้านบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 47 เซนต์ หรือ +0.8% ที่ 58.93 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากเมื่อวานนี้ทำสูงสุดตั้งแต่ 21 ก.พ. ปี 2020
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 49 เซนต์ หรือ 0.9% ที่ 56.18 เหรียญ/บาณ์เรล หลังจากที่เมื่อวานนี้ทำระดับปิดสูงสุดรอบกว่า 1 ปี
· ผลประกอบการบริษัทน้ำมัน Royal Dutch Shell พบร่วงลงตลอดปี โดยได้รับแรงกดดันหลักจากการระบาดของไวรัสโคโรนา จึงส่งผลต่อภาคอตุสาหกรรมน้ำมันและแก๊สทั่วโลก
โดยปี 2020 พบผลกำไรแตะ 4.85 พันล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับปี 2019 ที่อยู่ที่ 1.65 หมื่นล้านเหรียญ และช่วงไตรมาสที่ 4/2020 ก็พบว่าผลประกอบการณ์พลาดเป้าที่ตั้งไว้ ลดลงมาแตะ 393 ล้านเหรียญ