· ดอลลาร์ทรงตัวในรอบเกือบ 7 สัปดาห์ หลังจากที่ยูโรเผชิญแรงเทขายทำกำไร
ค่าเงินดอลลาร์ยังทรงตัวใกล้ระดับแข็งค่ามากสุดรอบ 7 สัปดาห์ โดยได้รับอานิสงส์จากแรงเทขายทำกำไรในค่าเงินยูโร หลังจากที่ภาวะ Lockdown ส่งผลกระทบกับการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภคในเยอรมนี ประกอบกับแรงการทำ Short-Covering ในดอลลาร์
ค่าเงินยูโรอ่อนค่ามากสุดรอบ 2 สัปดาห์วานนี้ หลังจากที่ข้อมูลค้าปลีกในเยอรมนีร่วงลงเกินคาดในเดือนธ.ค. ขณะที่ภาพรวมการกระจายวัคซีนยังเป็นไปอย่างล่าช้า
นักวิเคราะห์บางส่วน ให้เหตุผลว่า การขึ้นของดอลลาร์มีแรงงหนุนจากการซื้อกลับในค่าเงินดอลลาร์ด้วยการเปิดสถานะ Long โดยมีแรงเทขายดอลลาร์เข้ามาอย่างหนักในรอบเกือบ 10 ปี
ดัชนีดอลลาร์วันนี้อ่อนตัวลงเล็กน้อยประมาณ 0.1% ที่ 90.87 จุด หลังจากเมื่อคืนนี้ทำแข็งค่ามากสุดที่ 91.063 จุด ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่ 10 ธ.ค.
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.2% บริเวณ 1.20805 ดอลลาร์/ยูโร หลังร่วงลงไปกว่า 0.7% วานนี้ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าลงที่มากที่สุดตั้งแต่ 15 ม.ค.
ค่าเงินเยนอ่อนค่าเหนือ 105 เยน/ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ย. ก่อนจะทรงตัวบริเวณ 104.875 เยน/ดอลลาร์
หลายๆฝ่าย เริ่มเล็งเห็นการรีบาวน์ของดอลลาร์ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่แล้วที่ส่งผลให้เกิดการปรับฐานของราคา ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ในปีที่แล้วอ่อนค่ามากถึง 7% จากคาดการณ์เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวหลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา และการเพิ่มค่าใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้นโยบายทางการเงินฉบับพิเศษ
การกกลับมาแข็งค่ารอบใหม่ของดอลลาร์อาจเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นในทิศทางขาลงของค่าเงินเวลานี้
ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์อ่อนค่ามาลงมาทรงตัวที่ 0.7625 จากแข็งค่าวานนี้บริเวณ 0.7662 หลังจากที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เผยแผนจะทำการขยาย QE ด้วยการซื้อพันธบัตรเพิ่ม 1 แสนล้านเหรียญ และการตัดสินใจดังกล่าวอาจทำให้หลายๆตลาดอาจรอจนถึงเดือนหน้าก่อน
· ทั่วโลกฉีดวัคซีน Covid-19 ได้ทะลุ 100 ล้านโดส เฉลี่ยรายวันที่ 4.25 ล้านโดส ทำสถิติรายวันที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว
· ส.ว. รีพับลิกัน ชี้ แพ็คเกจ Covid-19 ไม่ควรถูก "กำหนดวงเงินล่วงหน้า" หลังเข้าพบนายไบเดน
นายบิล แคสซิดี้ สมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน กล่าวถ้อยแถลงหลังเข้าพบกับจายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยแนะนำว่า แพ็คเกจ Covid-19 ไม่ควร ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแต่ควรเป็นไปตามข้อมูลพื้นฐาน
เพราะหากพิจารณาและดำเนินการตามข้อมูลที่ได้รับก็จะส่งผลให้ดำเนินงานไปได้อย่างถูกทาง
ทั้งนี้ นายไบเดนมีการเผชิญหน้ากับ 10 สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯพรรครีพับลิกัน โดยที่ทางฝั่งรีพับลิกันต้องการยื่นข้อเสนอให้มีการปรับลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ที่6.18 แสนล้านเหรียญ จาก 1.9 ล้านล้านเหรียญ ที่นายไบเดนยื่นเสนอภายใต้ชื่อ "American Rescue Plan"
ทางรีพับลิกันขอให้มีการลดการใช้จ่ายเงินโดยตรง ให้แก่ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 40,000 เหรียญ/คน และไม่ควรมีเงินสนับสนุนแก่มลรัฐและรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งประเด็นหลังเป็นสิ่งที่ทางเดโแมแครตไม่เห็นด้วย
อย่างไรก็ดี ทางพรรครีพับลิกันต้องการให้เกิดการช่วยเหลือให้ "เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย" และการจะช่วยเหลือมลรัฐและรัฐบาลท้องถิ่นในวงเงินจำนวนมากจำเป็นต้องมีข้อมูลประกอบด้วย เพื่อพิจารณาถึงความจำเป็นในการได้รับความช่วยเหลือ
และหาก 10 สมาชิกวุฒิสภาจากรีพับลิกัน เห็นพ้องกับแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทางเดโมแครตเสนอ ก็อาจทำให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายการดำเนินงานได้
· ราคาบ้านของอังกฤษประจำเดือนม.ค.ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนก่อนที่จะสิ้นสุดการปรับลดภาษีสำหรับผู้ซื้อในวันที่ 31 มี.ค.
พร้อมทั้งกล่าวเสริมว่าตลาดอาจอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
โดยภาพรวมรายเดือนราคาบ้านลดลง 0.3% ที่ระดับ 6.4% จากเดิมที่ 7.3% ในเดือนธ.คที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 ปี
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Reuters คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ต่อเดือนและเพิ่มขึ้น 6.9% ต่อปี
· นางเออซูลา วง เดอ เลอยง ประธานคณะกรรมาธิการอียู เผย รัฐบาลอียูประสบภาวะดำเนินการด้านแผนฟื้นฟูยากมากขึ้น แม้ว่าข้อแตกต่างอาจมีการสิ้นสุดลง แต่ภาพรวมสถานการณ์ยังน่าเป็นกังวลว่าจะแผนดังกล่าวจะมีความล่าช้าอันเนื่องจากภาวะวิกฤตทางการเมืองอิตาลี
· เจ้าหน้าที่ทางการทูตระดับสูงของจีน เรียกร้องให้ "สหรัฐฯ-จีน" แก้ไขปัญหาด้านความสัมพันธ์ และสหรัฐฯควรที่จะต้องหยุดแทรกแซงกิจการภายในของจีน อาทิ ในเกาะฮ่องกง หรือธิเบต
ผู้อำนวยการจาก Central Foreign Affairs Commission of the Chinese Communist Party ยังกล่าวว่า จีนดูจะเตรียมความพร้อมในการร่วมงานกับทางสหรัฐฯ เพื่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายก้าวต่อไปได้อย่าง "ไร้ข้อขัดแย้ง", ไม่มีการเผชิญหน้า, ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน เพื่อให้การจัดการทุกอย่างเป็นผลดีทั้งสองฝ่ายแบบ Win-Win
· Goldman Sachs คาด แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะเป็นไประดับปานกลางช่วง 2-3 เดือน
ทั้งนี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำฝั่งเอเชียของ Goldman Sachs มองว่าเศรษฐกิจจีนเผชิญความเสี่ยงสำคัญ ดังนี้
1) การดำเนินนโยบายการเงินที่ค่อนข้างเอื้อประโยชน์ต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และจะเริ่มเห็นถึง การถอนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจบางส่วน
หากสถานการณ์เช่นนี้ยังดำเนินต่อไป ก็อาจสร้างความเสี่ยงให้แก่เงินเฟ้อได้
จีนถูกคาดว่าจีดีพีในไตรมาสแรกปีนี้จะสดใส หลังจากที่ไตรมาสที่ 4/2020 ขยายตัวได้ 6.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยจีนเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศเศรษฐกิจของโลกที่เติบโตได้เชิงบวกเป็นประวัติการณ์สำหรับช่วงที่เกิดการระบาดของไวรัสโคโรนา
เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของจีน อธิบายถึงการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไว้ว่า การเติบโตทางสินเชื่อมีการชะลอตัว, ยอดขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับสภาพคล่องในตลาดประสบภาวะตึงตัว จึงทำให้เกิดการถอนนโยบายการเงิน
2) การระบาดของ Covid-19 รอบใหม่ในจีน
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศ แม้ว่าจะมีการจัดการได้ดีตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่การกลับมาระบาดรอบใหม่ก็ดูจะเริ่มต้นกระทบกับเม็ดเงินในประเทศ และทำให้ภูมิภาคเกิดความเป็นกังวล
อย่างไรก็ดี เชื่อว่า การฟื้นตัวทางการค้าในภูมิภาคเอเชียจะแข็งแกร่ง อันเป็นผลสะท้อนถึงกิจกรรมการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก และปี 2021 นี้ ภูมิภาคเอเชียก็ยังเป็นขาขึ้น และจีนอาจไม่มีผลหรือมีผลเพียงเล็กน้อยต่อทิศทางเชิงบวกของภูมิภาค
· อดีตผู้ว่าการบีโอเจ เผย บีโอเจมีแนวโน้มจะอนุญาตให้กรอบดอกเบี้ยระยะยาวกว้างขึ้น ตั้งแต่เป้าหมาย 0% และลดการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวฉบับพิเศษ (Super-Long Bond) จากอัตราผลตอบแทนที่ปรับขึ้น
· นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นมีกำหนดขยายภาวะฉุกเฉินไปถึงวันที่ 7 มี.ค.ที่จะถึงนี้ ในกรุงโตเกียวและพื้นที่อื่นๆ ที่ยังไม่สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาได้ โดยจะขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนจากวันนี้ไปจนถึงวันที่ 7 มี.ค. ขณะที่โรงพยาบาลหลายแห่งกำลังเผชิญกับความกดดันเนื่องจากมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งนายซูงะ จะตัดสินใจในเรื่องนี้หลังจากปรึกษากับคณะผู้เชี่ยวชาญ
· อียูจำกัดการส่งออกวัคซีนส่งผลให้การฉีดวัคซีนในญี่ปุ่นเป็นไปโดยล่าช้า
การจำกัดการส่งออกวัคซีนในยุโรป ส่งผลกระทบให้การดำเนินการฉีดวัคซีนญี่ปุ่นเป็นไปโดยล่าช้า ขณะที่รัฐบาลคาดว่าจะขยายภาวะฉุกเฉินในบางพื้นที่เพิ่มขึ้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด
ทั้งนี้ญี่ปุ่นจะเริ่มการฉีดวัคซีนภายในเดือนนี้ ซึ่งช้ากว่าประเทศเศรษฐกิจโดยส่วนใหญ่ และความล่าช้าในครั้งนี้อาจเป็นความท้าทายต่อรัฐบาลญี่ปุ่น ที่จะจัดสรรวัคซีนในปรืมาณที่เพียงพอสำหรับประชาชนทุกคนก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียวในฤดูร้อนนี้
· ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ทำการคงดอกเบี้ย 0.1% ในการประชุมวันนี้ แต่จะยังเดินหน้าผ่อนคลายทางการเงินด้วย QE ต่อไป และมีการเข้าซื้อเพิ่ม 1 แสนล้านออสเตรเลียดอลลาร์ (7.62 หมื่นล้านเหรียญ) ด้วยการเข้าซื้อตราสารหนี้และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอีก 5 พันล้านออสเตรเลียดอลลาร์ (3.8 พันล้านเหรียญ) ในทุกๆสัปดาห์เริ่มตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเม.ย. เป็นต้นไป
· เวียดนามยืนยันการระบาดของ Covid-19 ล่าสุด เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่พบในอังกฤษ โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่ม 276 ราย ที่ระบาดหนักใน 10 จังหวัดและเมืองต่างๆ โดยส่วนใหญ่ยังมีการระบาดอย่างต่อเนื่องในกรุงฮานอย
· ผบ.สูงสุดของกองทัพพม่ายึดอำนาจเข้ารักษาการแล้ว พร้อมกับการคุมตัว "ออง ซาน ซู จี"
· พรรค NLD ร้องปล่อยตัวซูจี ชี้รัฐประหารเป็น ‘จุดด่างพร้อย’ ในประวัติศาสตร์กองทัพ
โดยวันนี้ พรรคของเธอได้เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมดนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร แต่ภาพรวมยังไม่มีข่าวอย่างเป็นทางการว่าอองซานซูจีอยู่ที่ใดนับตั้งแต่การเข้ายึดอำนาจ แต่แหล่งข่าวของพรรคได้บอกกับเอเอฟพีว่าพวกเขาเชื่อว่าซูจีถูกกักบริเวณในบ้านพักที่กรุงเนปีดอ
ขณะที่สหรัฐฯ "ขู่" จะคว่ำบาตรกองทัพพม่าที่ใช้อำนาจในการทำรัฐประหารและมีการจับกุมตัวนางซูจีและพรรคพวกคนอื่นๆของเธอตั้งแต่เมื่อวานนี้
· จีน กล่าวว่า ทุกฝ่ายบนโลกควรร่วมมือกันในการจัดการด้านการเมืองและเสถียรภาพทางสังคมของพม่า จากภาวะตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นในเวลานี้
· เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น เตือน การทำรัฐประหารในพม่าอาจยิ่งสร้างอิทธิพลให้แก่จีนมากขึ้นภายในภูมิภาค
· ไทย จับตาสถานการณ์ในเมียนมาหลัง อองซาน ซูจี ถูกควบคุมตัว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศกำลังติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเมียนมา หลังกองทัพทหารได้ควบคุมตัวนางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือ (เอ็นแอลดี) พร้อมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ โดยจะมีการรายงานความคืบหน้าให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีได้รับทราบ ซึ่งทั่วโลกอยู่ในภาวะมึนงงไม่เข้าใจต่อเหตุการณฺ์ที่เกิดขึ้น
· ราคาน้ำมันขึ้น แม้กลุ่ม OPEC+ มีการยั้งการผลิตน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบในวันนี้ขยับขึ้นประมาณ 1% หลังจากที่ข้อมูลของบรรดาผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ สะท้อนว่า พวกเขายังลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงที่ทำไว้และมีการยับยั้งการเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อสนับสนุนราคาน้ำมัน ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอุปสงค์อ่อนแอจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.9% ที่ 56.86 เหรียญ/บาร์เรล
น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 53 เซนต์ หรือ 1% บริเวณ 54.08 เหรียญ/บาร์เรล
ทั้งนี้ น้ำมันดิบทั้ง 2 ชนิดยังปรับขึ้นได้ต่อหลังจากที่เมื่อคืนนี้ปิด +2% ขึ้นไปทั้งคู่
ข้อมูลจาก Reuters พบว่า บรรดากลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน OPEC มีการเพิ่มกำลังการผลิตเล็กน้อยในเดือนม.ค. แต่ถือเป็นครั้งแรกที่มีการปรับขึ้นกำลังการผลิตรอบ 7 เดือน หลังจากที่มติประชุม OPEC+ เห็นพ้องกันที่จะผ่อนคลายการจำกัดการอุปทานน้ำมัน โดยในเดือนม.ค. กลุ่ม OPEC มีการเพิ่มกำลังการผลิตรวมกันมาที่ 25.75 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งสูงกว่าเดือนธ.ค. เพียง 160,000 บาร์เรล/วัน
รัสเซียมีการผลิตน้ำมันเพิ่มในเดือนม.ค. แต่ก็ยังคงแนวทางตามข้อตกลงการลดกำลังการผลิตไว้ ขณะที่ในประเทศคาซัคสถานปริมาณซื้อขายน้ำมันลดลง