• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 18 มกราคม 2564

    18 มกราคม 2564 | SET News

DOW JONES, NASDAQ 100 และ S&P500 FUTURES กับคาดการณ์ปัจจัยสำคัญที่ยังชี้ "ขาขึ้น"

รายงานจาก Daily FX กล่าวว่า รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4/2020 จะคิดเป็ฯประมาณร้อยละ 9 ของรายงานจากบริษัททั้งหมดในกลุ่มดัชนี S&P500 ที่จะมีการประกาศระหวา่ง 18-22 ม.ค. และผลประกอบการของบริษัทเจ้าใหญ่ของสหรัฐฯมักเปิดเผยในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนม.ค. 2021 นี้

ทั้งนี้ ภาคธนาคารรายใหญ่ และกลุ่ม FAANG (Facebook, Apple, Amazon, Netflix และ Google) จะเผยผลประกอบการที่มีแนวโน้มจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของ 3 ดัชนีหลักในตลาดฟิวเจอร์สด้วยเช่นกัน

ยิ่งขึ้นสำหรับผลประกอบการบริษัทในช่วงไตรมาสที่ 4/2020 และคาดว่า EPS ที่เคยลดลงมีการปรับทบทวนขึ้นมาจากเดือนก.ย. -12.7% มาที่ -8.8%

กลุ่มบริษัทรายใหญ่มีแนวโน้มจะปรับเพิ่มมุมมองแนวโน้มผลประกอบการ อาทิ ทางการเงินที่เคยอยู่แถว -24.1% อาจดีขึ้นมาแถว -7.5% นำโดยการประกาศผลประกอบการของภาคธนาคารรายใหญ่ก่อน ได้แก่ JPMorgan, Bank of America, Citigroup และ Goldman Sachs

กลุ่มวัสดุอุปกรณ์ มีแนวโน้มดีขึ้นจาก -2.0% พลิกกลับมาแดนบวกที่ 7.1%

กลุ่มการบริการโทรคมนาคมมีแนวโน้มดีขึ้น จาก -18.2% มาที่ -12.9% ซึ่งจะมีบริษัทที่มีแนวโน้มจะเป็นตัวนำการเติบโต คือ Mosaic, Nucor, Alphabet, Facebook และ Netflix

กลุ่มพลังงานมีแนวโน้มจะยัง "อ่อนแออยู่" และคาดอาจเห็นผลประกอบการยังปรับตัวลงเป็นวงกว้าง จากกลุ่มนี้ที่อยู่ระดับ -83.0% อาจเพิ่มขึ้นมาที่ -98.4% อันเป็นผลจากบริษัท Exxon Mobil, Phillips 66 และ Chevron ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญหลักในการดำเนินงานของกลุ่มนี้

เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มนักลงทุนดูจะยังมีความวิตกกังวลต่อมูลค่าหุ้นระดับสูงเมื่อเทียบกับสถานการณ์ที่กำลังเลวร้ายจากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยดัชนี S&P500 มีค่า P/E หรือ ราคาต่อหุ้น สูงเหนือ 30.0 จุด ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี และปรับขึ้นเกือบ 50% เหนือค่าเฉลี่ยสูงสุดรอบ 5 ปีที่ 20.5 จุด และการที่มูลค่าดังกล่าวอยู่ในระดับสูงอาจนำมาซึ่งแรงเทขายทำกำไรได้ หากผลประกอบการดังกล่าวออกมาอย่างน่าผิดหวัง


แม้ว่าระยะสั้นๆ ตลาดหุ้นจะมี "ความผันผวน" โดยล่าสุดมาจาก แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของนายไบเดนวงเงินกว่า 1.9 ล้านล้านเหรียญ ที่คาดว่าน่าจะมาชดเลยวิกฤตการระบาดของไวรัสโคโรนาได้ ประกอบกับการค่อยๆกระจายวัคซีนทั่วทุกมุมโลกที่อาจทำได้มากขึ้น ก็อาจมีผลต่อการทำให้กิจกรรมภาคธุรกิจนั้นกลับสู่ภาวะปกติได้ภายในระยะกลาง

ขณะเดียวกันกลุ่มโลหะมีค่าและราคาทองคำที่เคยปรับขึ้นทำสูงสุดรอบหลายเดือน ก็เป็นผลจากการฟื้นตัวของแนวโน้มอุปสงค์ที่ได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนั่นเอง

หุ้นกลุ่มวัฎจักรที่มีความเกี่ยวข้องกับภาคพลังงาน, วัตถุดิบ, การเงิน และภาคอุตสาหกรรม ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีต่อนับตั้งแต่ช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา อันเนื่องจากมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีของบริษัทราใหญ่ และการซื้อขายก็ดูจะมีผลต่อการสนับสนุนหุ้นในกลุ่มดาวโจนส์และ S&P500 ซึ่งจะร่วมด้วยการเติบโตของ Nasdaq ตั้งแต่ช่งงปี 2020 ท่ามกลางการระบาดของภาคอุตสาหกรรม


· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ท่ามกลางมูลข้อทางเศรษฐกิจของจีนที่ฟื้นตัวในไตรมาสที่แล้วเนื่องจากผลผลิตของโรงงานเพิ่มขึ้น จึงช่วยช่วยชดเชยข่าวที่น่าผิดหวังเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ

ดัชนี blue chips เพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากรายงานที่ว่าเศรษฐกิจจีนโตได้ 6.5% ในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา เมื่อเทียบรายปี

ข้อมูลภาคการผลิตประจำเดือนธ.ค.ก็ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าข้อมูลภาคค้าปลีกจะลดลงก็ตาม

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.3% หลังขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

ดัชนี E-Mini S&P 500 futures ลดลง 0.2% แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯจะปิดทำการเนื่องในวันหยุดก็ตาม ด้านดัชนี EUROSTOXX 50 futures ลดลง 0.2% และดัชนี FTSE future ลดลง 0.1%


· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง เนื่องจากเหล่านักลงทุนเทขายทำกำไรจากการเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์หลังจากที่ตลาดขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ทศวรรษเมื่อต้นเดือนนี้อย่างรวดเร็ว

โดยดัชนี Nikkei ปิด -0.97% ที่ระดับ 28,242.21 ลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี ที่บริเวณ 28,979 จุด ขณะที่ภาพรวมรายเดือนยังคงปรับตัวสูงขึ้นได้ 2.90%

ทั้งนี้ เหล่านักลงทุนทำกำไรจากหุ้นที่ปรับตัวขึ้น ท่ามกลางความหวังในการกระตุ้นการใช้จ่ายครั้งใหญ่โดยทีมบริหารของนายโจ ไบเดน


· หุ้นของบริษัทซัมซุงในเกาหลีใต้ลดลง หลังจากที่สำนักข่าวจาก Reuters รายงานว่า Jay Y. Lee ทายาทซัมซุงได้รับโทษจำคุก 2 ปีครึ่ง

หุ้นของซัมซุงร่วงลงมากกว่า 4% โดยหุ้น Samsung C&T ร่วงลงกว่า 7.49% ขณะที่หุ้น Samsung Heavy ร่วงลง 3.31% หลังจากที่ศาลตัดสินว่า Jay Y. Lee ติดสินบนนางชเว ซุน-ซิล คนสนิท คนสนิทของอดีตประธานาธิบดีปาร์ค กึน เฮ เพื่อให้รัฐบาลสนับสนุนแผนการสืบทอดอำนาจในซัมซุงกรุ๊ป

ด้านดัชนี Kospi เกาหลีใต้ ลดลง 2.54%


· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่ได้รับแรงหนุนจากข้อมูลจีดีดพีที่ออกมาดีกว่าที่คาด จึงบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

โดยดัชนี blue-chip CSI300 ปิด +1.1% ที่ระดับ 5,518.52 จุด ด้านดัชนี Shanghai Composite +0.8% ที่ระดับ 3,596.22 จุด


· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงเล็กน้อย ท่ามกลางดารปรับตัวลงของตลาดทั่วโลก

โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.2% หลังเคลื่อนไหวทรงตัวในช่วงก่อนหน้านี้ ด้านหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซร่วงลง 1% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 0.5%

นักลงทุนในยุโรปให้ความสนใจไปยังเยอรมนีหลังจากการเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ Armin Laschet เป็นประธานคนใหม่ของพรรค CDU การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการปูทางให้เขาสามารถเปลี่ยน Angela Merkel เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งปลายปีนี้


· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้เสนอผลการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ภาพรวมการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-18 ธ.ค. 63 ซึ่งอยู่ในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 64 ทุกหน่วยงานมีการเบิกจ่ายแล้ว 905,765 ล้านบาท คิดเป็น 27.56% ต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเบิกจ่ายในไตรมาสที่ 1-2 ให้ได้เกิน 30% เล็กน้อย โดยมีการใช้จ่ายแล้วหรือก่อหนี้ผูกพันแล้ว 977,137 ล้านบาท คิดเป็น 29.74% ต่ำกว่าเป้า

หมายประมาณ 2.26%

- รมว.อุตสาหกรรม เตรียมออกมาตรการพยุงเอสเอ็มอีฝ่าวิกฤตโควิด-19 รอบใหม่ สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมช่วยเหลือผู้ประกอบการ และจับตาดูหลายอุตฯ อย่างใกล้ชิด หลังการผลิตยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อให้ความช่วยเหลือที่ได้รับผล กระทบอย่างเต็มที่

- คลังชง 'ครม.' 19 ม.ค.ไฟเขียว 'เราชนะ' แจก 7 พันให้ 35 ล้านคน พร้อมเคาะ 'คนละครึ่ง' เปิดลงทะเบียนรอบเก็บตกอีก 1.34 ล้านสิทธิ

- นายกรัฐมนตรี กำชับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมระบบรองรับการลงทะเบียนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเยียวยาประชาชน ไม่ว่าจะเป็น โครงการคนละครึ่ง เพิ่ม 1 ล้านสิทธิ และโครงการเราชนะ เยียวยาประชาชน 3,500 บาท เป็นเวลา 2 เดือน โดยให้ดูความพร้อมของระบบเพื่อบริการประชาชน ลดช่องโหว่ต่างๆให้ได้มากที่สุด พร้อมอธิบายชี้แจงวิธีการลงทะเบียนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง ทุกช่องทางการสื่อสาร เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าใจ รวมถึงป้องกันความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับมาตรการต่างๆของภาครัฐ


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com