• สรุปข่าวเด่นก่อนเทศกาลคริสต์มาส 24 ธ.ค. 63

    24 ธันวาคม 2563 | Gold News


·         วิเคราะห์ราคาทองคำ: ทองดีดตัวขึ้นเหนือ 1,858 เหรียญ จับตา  Brexit - ทรัมป์

 

นักวิเคราะห์จาก FXStreet ระบุว่า ทองคำทำสูงสุดแถว 1,880 เหรียญในช่วงการซื้อขายตลาดเอเชีย โดยที่ทองคำได้รับอานิสงส์จาก

- การอ่อนค่าของดอลลาร์

- ความหวังข้อตกลง Brexit

- คำขู่ของนายทรัมป์ ต่ออิหร่าน

- ความท้าทายเรื่องไวรัส Covid-19

 

เจรจา Brexit หัวข้อเด่นตลาดเริ่มผ่อนคลายขึ้นจากเรื่อง การประมง

 

The Guardian และ Sky News กล่าวย้ำถึงเรื่องการเข้าใกล้ข้อตกลงการค้า เช่นเดียวกับรายงานของ Daily Express

 

ทรัมป์” ย้ำถึงการที่อิรักถูกอิหร่านโจมตี เตือนชาติอาหรับต้องรับผิดชอบ หากมีชาวสหรัฐฯเพียงหนึ่งรายต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้

 

ด้านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ

- สมาชิกรีพับลิกันยอมอ่อนข้อเรื่องร่างกฎหมายความมั่นคง

- สหรัฐฯย้ำสัมพันธ์ที่ไม่เป็นมิตรกับจีนและรัสเซีย

- ทรัมป์เรียกร้องคองเกรสเพิ่มวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม

 

เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขสหรัฐฯ ชี้ การกระจายวัคซีน Covid-19 อาจทำได้ช้ากว่าที่รัฐบาลสหรัฐฯคาดหวังไว้

 

ตลาดกังวลการระบาดสายพันธุ์ใหม่ของ Covid-19 ในอังกฤษ

 

มุมมองทางเทคนิค



ทองคำไม่สามารถผ่าน 1,899 เหรียญ โดยระยะสั้นๆ พบข้อมูลรายวันที่มีสัญญาณสะท้อนมากขึ้นที่ยัง กดดันแรงขาย” ในตลาดทองคำ ซึ่งหากทองหลุดต่ำกว่า 1,864 เหรียญ จะส่งผลให้ภาพของตลาดเป็นขาลง

 

Daily FX คาดทองขึ้นได้ต่อในระยะสั้นๆ หลังทรงตัวได้เหนือ 1,848-1,863 เหรียญ จึงมีโอกาสกลับทดสอบแนวต้านรายวัน แต่หากหลุดบริเวณดังกล่าวอาจกดดันภาพขาลงและทดสอบต่ำสุดเดือนส.ค. อีกครั้ง

 



·         ตลาดหุ้น-ค่าเงินปอนด์สดใสจากความหวัง Brexit - จีนเปิดฉากสอบสวน "Alibaba"

 

ตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ปรับขึ้น ขณะที่เงินปอนด์เองก็แข็งค่าขึ้นก่อนเทศกาลคริสต์มาส จากรายงานข่าวดีที่ว่า อังกฤษ - อียู เข้าใกล้รรลุข้อตกลงการค้าเสรี และนักลงทุนหารือเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

 

ด้านหุ้นบริษัท Alibaba Group Holdings Ltd ร่วงลงกว่า 8.13% โดยร่วงลงรายวันมากสุดในรอบ 6 สัปดาห์ หลังจากที่เจ้าหน้าที่กำกับดูแลตลาดจีนจะเริ่มสอบสวนในข้อหา "ผูกขาดตลาด"

 

ภาพรวมวันนี้ตลาดค่อนข้างเคลื่อนไหวแบบเบาบางเนื่องในช่วงเทศกาลคริสต์มาส

 


ดัชนี mSCI ที่รวมหุ้นทั่วโลกปิด +0.12%

ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นปิด +0.45%

ดัชนี S&P/ASX200 ของออสเตรเลียปิด +0.33%

หุ้นญี่ปุ่นปิด +0.45%

หุ้นจีนปิด -0.28%

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของดัชนีหลักสหรัฐฯภาพรวมปรับขึ้นประมาณ 0.16% ในวันนี้

 

หุ้นยุโรปเคลื่อนไหวในช่วงเริ่มตลาดซื้อขายของยุโรปอย่างสดใส นักลงทุนขานรับข่าวดีคืบหน้า Brexit ที่อาจช่วยให้ทั้งสองฝ่ายหลีกเลี่ยงผลกระทบอย่างรุนแรงได้ก่อนช่วงวันหยุดปีใหม่

 


ดัชนี FTSE Futures ปรับขึ้น +0.56%

ดัชนี Stoxx50 Futures ปรับขึ้น +1.15%

ดัชนี DAX Futures ปรับขึ้น +1.28%

 

ความหวังที่จะเกิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและวัคซีนไวรัสโคโรนา  ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่หนุนตลาดหุ้นทั่วโลกในปีหน้า

 


โอกาสดีของ Brexit หนุนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นราว 0.47% ที่ 1.3558 ดอลลาร์/ปอนด์

 

นอกจากนี้ เงินปอนด์ยังได้รับแรงหนุนจากการที่ฝรั่งเศสยกเลิกคำสั่งห้ามขนส่งจากอังกฤษ เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นในอังกฤษ

 

ดอลลาร์อ่อน ถูกกดดันจากความหวังข้อตกลงการค้า Brexit

โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 90.233 จุด

ค่าเินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ 1.22030 ดอลลาร์/ยูโร

 

·         ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) เรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทาง โดยขอให้ประชาชนอยู่ที่บ้านในช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสแทน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

 

พร้อมทั้งระบุว่า "การเดินทางอาจเพิ่มโอกาสที่จะแพร่เชื้อหรือติดเชื้อได้ ยังคงแนะนำให้เลื่อนการเดินทางออกไปและพักอยู่กับบ้านแทน เนื่องจากเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะป้องกันตนเองและผู้อื่นในปีนี้"

 ·         อียู-อังฤษ เผยรายละเอียดข้อตกลงการค้าขั้นสุดท้าย

แหล่งข่าวจากอังกฤษและอียู กล่าวว่า มีการเข้าใกล้ข้อตกลงจากการที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษเข้าร่วมประชุมร่วมกับบรรดารัฐมนตรีระดับอาวุโส ในการเจรจากับทางอีูยูถึงข้อกฎหมายการค้า

แต่ยังไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการถึงการยืนยันถึงการเิกดข้อตกลง แต่นายจอห์นสันคาดจะประชุมต่อในเทศกาล Christmas Eve โดยเหลือเวลาเพียง 7 วันทำการก่อนที่อังกฤษจะออกจากอียู

อย่างไรก็ดี รายงานช่วงแรกถึงความคืบหน้าได้ช่วยให้ค่าเงินปอนด์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกปรับขึ้น

 

·         สื่อต่างประเทศรายงานว่า ท่าอากาศยานนานาชาติซานติอาโกของประเทศชิลีได้ใช้สุนัขดมกลิ่น พันธุ์โกลเดน รีทรีฟเวอร์ และพันธุ์ลาบราดอร์ มาช่วยในการปฏิบัติภารกิจค้นหาผู้โดยสารที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่สนามบิน

ทั้งนี้ ผู้โดยสารที่จุดตรวจของสนามบินจะต้องใช้ผ้าก๊อซถูที่ลำคอและข้อมือ หลังจากนั้นให้นำผ้าก๊อซนั้นใส่ลงในโถแก้วเพื่อให้สุนัขดมว่า ผู้โดยสารติดเชื้อหรือไม่ โดยสุนัขเหล่านั้นจะนั่งลงเมื่อได้กลิ่นไวรัส และจะได้รับรางวัลเป็นการตอบแทน โดยสุนัขดังกล่าวจะใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีเขียวพร้อมเครื่องหมายกาชาดสีแดง และมีคำว่า "biodetector" อยู่บนเสื้อ

 

·         หน่วยงานกำกับดูแลด้านสาธารณสุขของบราซิล เผยว่า วัคซีน Sinovac ของจีน มีประสิทธิภาพมากกว่า 50% แต่ยังคงเลื่อนการเปิดเผยผลการทดลองฉบับสมบูรณ์ต่อไปอีกครั้ง

 

นักวิจัยบราซิล เผยว่า การพัฒนาวัคซีน CoronaVac ซึ่งผลิตโดยบริษัท Sinovac Biotech ของจีน มีประสิทธิภาพสูงมากกว่า 50% แต่ไม่ยอมเปิดเผยผลการทดลองฉบับสมบูรณ์ นำไปสู่การตั้งข้อสังสัยเกี่ยวกับความโปร่งใสในการทดลอง

 

โดยบราซิลเป็นประเทศแรกที่ประสบความสำเร็จในการทดลองวัคซีน CoronaVac ระยะสุดท้าย แต่ชะลอการประกาศผลการทดลองที่ครั้งแรกจะประกาศในต้นเดือนธันวาคม ชะลอไปถึงสามครั้งด้วยกัน

 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขเซาเปาโล ปฏิเสธที่จะเผยถึง ประสิทธิภาพจากการนำมาทดลองกับอาสาสมัครทั้ง 13,000 ราย โดยอ้างว่าเป็นข้อตกลงระหว่างกันของบริษัทผู้ผลิต Sinovac

 

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขเซาเปาโล กล่าวว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะป้องกันไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ และจะได้รับการอนุมัติฉุกเฉินใช้ในบราซิล โดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านสาธารณสุขของบราซิล Anvisa เผย มีประสิทธิภาพถึง 50% สำหรับป้องกันโรคโควิด


·         อดีตเจ้าหน้าที่กำกับดูแลค่าเงิน เผย ญี่ปุ่นอาจทำเข้าแทรกแซงค่าเงินให้แข็งค่า แต่น่าจะทำไปเพียงครั้งเดียว  เพื่อให้ยืนเหนือ 100 เยน/ดอลลาร์ และต้องการรักษาระดับการเคลื่อนไหวดังกล่าวต่อไป

 

ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดว่า เงินเยนที่ทรงตัวแถว 103.5 เยน/ดอลลาร์ในวันนี้ เกิดขึ้นได้หลังผ่านแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยา 100 เยน/ดอลลาร์ และคาดว่าอาจทรงตัวได้แถว 100 เยน/ดอลลาร์ต่อไป จากคาดการณ์จะเกิดกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของสหรัฐฯที่เข้ากดดันดอลลาร์

 

·         "คุโรดะ" ผู้ว่าการบีโอเจ มองหาแนวทางปรับทบทวนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ "รวดเร็วมากขึ้น" เหตุไวรัสโคโรนาทำพิษฉุดเศรษฐกิจญี่ปุ่นก้าวสู่ภาวะถดถอย

 

นอกจากนี้ ตลาดยังมองหาสัญญาณถึงแผนของบีโอเจว่าจะมีนัยยะอย่างไรเพิ่มเติม ในการเสริมประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อสูงกว่า 2%

 

·         เกาหลีใต้ได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัท Pfizer Inc และ Janssen ของ Johnson & Johnson’s เพื่อนำเข้าวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาครอบคลุมมากถึง 16 ล้านราย ขณะที่กำลังต่อสู้กับการแพร่ระบาดในระลอกที่สาม

 

·         สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวันประกาศยกเลิกจัดงานเทศกาลชมแสงแรกของปีที่
ชายหาดเมืองฝูหลง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะไต้หวัน หลังพบผู้ติดเชื้อโคโรนาในไต้หวันเป็นครั้งแรกในรอบ 
8 เดือนหรือนับตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยงานชมแสงแรกของปีถือเป็นงานที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก

ทั้งนี้ ไต้หวันรายงานยอดผู้ติดเชื้อโคโรนาสะสมอยู่ที่ 
777 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อมาจากต่างประเทศ และมียอดผู้เสียชีวิตรวม ราย ขณะที่มีผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 130 ราย

 

·         น้ำมันดิบเพิ่มจากรายงานสต็อกน้ำมันสหรัฐฯที่ลดลง ท่ามกลางความหวังจากเจรจาข้อตกลง Brexit ที่หนุนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง

น้ำมันดิบเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางในช่วงวันหยุด และการปรับลดลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯทำให้ความหวังเกี่ยวกับปริมาณอุปสงค์เพิ่มขึ้น ขณะที่ข้อตกลง Brexit หนุนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง

น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.7% ที่ระดับ 51.58 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.6% ที่ระดับ 48.43 เหรียญ/บาร์เรล

โดยทั้ง 2 ชนิด เพิ่มขึ้นมากกว่า 2% จากเมื่อวานนี้


·         ราคาน้ำมัน WTI ฟื้นตัวขึ้น จากเส้นเฉลี่ย Moving Average ระยะสั้นราย 20 วันตามผลกระทบของ 'Golden Cross' ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนพ.ย.

นอกจากนี้ ราคาอาจปรับตัวสูงขึ้นที่บริเวณ 49.42 เหรียญ/บาร์เรลในช่วงต้นเดือนก.พ และอาจจะปรับตัวสูงขึ้นไปทำระดับสูงสุดในเดือนก.พที่บริเวณ 54.45 เหรียญ/บาร์เรล


·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

ปิดเช้าพุ่ง 18.00 จุด ผลประชุมศบค.คุมเข้มบางพื้นที่-Sentiment บวกจาก KEX

ตลาดหลักทรัพย์ฯปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,434.02 จุด เพิ่มขึ้น 18.00 จุด (+1.27%) มูลค่าการซื้อขายราว 61,898 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,434.82 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,409.75 จุด

 

ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 67 ราย ในประเทศ 58-ตปท.9

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 67 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 58 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศแต่ไม่เข้าสถานที่กักกัน 1 ราย และ ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศที่เข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (Quarantine Facilities) 8 ราย


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com