• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2563

    1 ธันวาคม 2563 | Gold News

ทองปิดเดือนพ.ย. แย่สุดตั้งแต่ปี 2016 จากคืบหน้าวัคซีน

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.8ที่ 1,773.56 เหรียญและมีการทำต่ำสุดช่วงต้นตลาดที่ 1,764.29 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ 2 ก.ค.  และเดือนพ.ย. ทองคำปิด -5.6%


·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด -7.2 เหรียญ ที่ระดับ 1,780.9 เหรียญ


·         นักลงทุนรอถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาพคองเกรสในช่วงสองวันนี้


·         ภาพรวมนักวิเคราะห์มองว่าการมาของวัคซีนดูจะกดดันให้สินทรัพย์ Safe-Haven เป็นขาลง


·         กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,194.78 ตัน ปิดเดือนด้วยการขายออกสุทธิ 62.89 ตัน ขณะที่ภาพรวมรายปีเข้าซื้อสุทธิ 301.53 ตัน


·         กรรมการผู้จัดการจาก RBC Wealth Management  กล่าวว่า นักลงทุนมีการปิดสถานะในทองคำจากการที่รู้สึกผ่อนคลายเรื่องวัคซีนมากขึ้น


·         นักวิเคราะห์จาก Kitco มองว่า เทรดเดอร์และกลุ่มนักลงทุนมีการเพิ่มการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง เนื่องจากไม่มีสภาวะตึงเครียดทางการเมืองที่ร้อนแรง, ความหวังวัคซีน, การถ่ายโอนอำนาจที่ราบรื่นขึ้นของประธานาธิบดีสหรัฐฯ  ดังนั้น จึงเป็นปัจจัยกดดันทองคำขาลง


·         ราคาซิลเวอร์ปรับลง 1.6ที่ 22.34 เหรียญ เดือนพ.ย. ปิด -5.5%


·         ราคาแพลทินัมปิด +1.3% ที่ 975.84 เหรียญ ด้านพลาเดียมปรับลง 0.7ที่ 2,407.51 เหรียญ

 

·         ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากระดับต่ำสุดรอบ 2 ปี – Bitcoin ฟื้นทำ All-Time High ท่ามกลางหุ้นสหรัฐฯปิดลบ โดยดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.1% แตะ 91.84 จุด

 

·         พันธบัตรสหรัฐฯผันผวน แนะจับตาการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้

Reuters รายงานว่าหลังจากที่ธนาคารกลางมีการเข้าซื้อพันธบัตรมาอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี ทำให้บรรดาผู้จัดการกองทุนเริ่มมองหาสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงด้านความผันผวนในตลาดพันธบัตร เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะฟื้นตัวในปีหน้า

ICE BofA MOVE Index คาดความผันผวนในตลาดหุ้นมีโอกาสแกว่งขึ้นอีกครั้งหลังใกล้ระดับต่ำสุดรอบ All-Time Lows หลังจากที่พุ่งสูงอย่างหนักในเดือนมี.ค. มีผลให้เฟดต้องทำการเข้าแทรกแซง

แต่บรรดาผู้จัดการกองทุนและธนาคารกลางรายใหญ่บางแห่ง กล่าวเตือนถึง “ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ” ในปีหน้า ที่อาจส่งผลให้กองทุนพันธบัตรต่างๆประสบภาวะขาดทุนหรือผันผวนมากขึ้นก่อนเฟดจะลดการดำเนินการหรือการเปลี่ยนแปลงท่าทีใดๆของเฟด

 

·         ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกสะสมรวม 63.57 ล้านราย โดยมีการเพิ่มขึ้นรายวันเกือบ 500,000 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 1.47 ล้านราย

 

 

ยอดติดเชื้อในสหรัฐฯพุ่งใกล้ทะลุ 14 ล้านราย โดยล่าสุดสะสมรวม 13.91 ล้านราย  ด้านยอดเสียชีวิตสะสม 274,332 ราย  ขณะที่อินเดียตามมาติดๆ มียอดติดเชื้อสะสมรวม 9.46 ล้านราย

 

·         21 รัฐในสหรัฐฯ พบยอดติดเชื้อในสถานพยาบาลพุ่งขึ้นทำสูงสุดประวัติการณ์

ขณะที่ดร.ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดระดับสูงของสหรัฐฯ กล่าวเตือนว่า จำเป็นต้องมีการใช้มาตรการควบคุมและเดินทางตามความจำเป็นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เพื่อเลี่ยงการระบาดเพิ่มขึ้น

 

·         Moderna เผย ข้อมูลทดสอบวัคซีน Covid-19 ล่าสุดยังสูงกว่า 94%  - พร้อมยื่นขออนุมัติ FDA ในช่วงค่ำวานนี้ โดยทาง FDA จะทำการพิจารณาข้อมูลวัคซีนของบริษัท Moderna ภายใน 2-3 สัปดาห์จากนี้ และมีแนวโน้มจะหารือร่วมกับคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาในวันที่ 17 ธ.ค.

 

Moderna ถือเป็นบริษัทแห่งที่ 2 ที่มีการยื่นขออนุมัติกับทาง FDA หลังจากที่ Pfizer ทำการยื่นขอไปเมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา แต่การประกาศดังกล่าวสะท้อนว่า ชาวสหรัฐฯจะได้รับวัคซีนคนละ 2 โดสของบริษัท Moderna ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์จากนี้

 

·         Goldman Sachs คาดว่าประชาชนกว่า 70% ของประเทศที่พัฒนาแล้วมีโอกาสได้รับวัคซีน Covid-19 ประมาณช่วง ก.ย. - พ.ย. ปีหน้า เมื่อพิจารณาจากข้อมูลความต้องการและผลสำรวจการใช้งานขอ งกลุ่มผุ้บริโภค

และวัคซีนโดสแรกมีแนวโน้มที่กลุ่มเสี่ยงสูงโดยส่วนใหญ่ในสหรัฐฯจะได้รับเป็นกลุ่มแรกในช่วงกลางเดือนธ.ค.นี้

การอนุมัติวัคซีนและการกระจายวัคซีนได้ทั่วโลกจะนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดทางด้านสาธารณสุข จากช่วงไตรมาสที่ 1/2021 ขณะที่ครึ่งหนึ่งของประชาชนสหรัฐฯและแคนาดาจะได้รับวัคซีนประมาณเดืนอเม.ย.นี้

นอกจากนี้ Goldman Sachs ยังคาดว่า FDA จะอนุมัติวัคซีน Pfizer และ Moderna ในเร็วๆนี้ที่จะมีการนัดหารือ 10 ธ.ค. และอาจเกิดการอนุมัติในวันที่ 17 ธ.ค.นี้

 

·         อดีตประธาน FDA คาด ประชาชนกว่า 30% ของสหรัฐฯที่ติดเชื้อไวรัสจะได้รับวัคซีนช่วงสิ้นปีนี้

 

·         วัคซีนอาจเริ่มใช้ได้ในช่วงคริสต์มาสนี้ - หลัง Thanksgiving ยอดติดเชื้อในสหรัฐฯยังพุ่งแรง

เจ้าหน้าที่ระดับสูงรัฐบาลเผย สายการบินสหรัฐฯประสบปัญหาประชาชนเดินทางสายการบินมากที่สุดตั้งแต่ช่วงกลางมี.ค. ขณะที่ประชาชนบางส่วนจะได้รับวัคซีนในช่วงก่อนคริสต์มาสนี้

เลขาธิการกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ เผยว่า วัคซีนอาจมีการส่งมอบได้ภายในการประชุม 10 ธ.ค. หากทาง FDA มีการพิจารณาและอนุมัติใช้วัคซีนฉุกเฉินให้แก่บริษัท Pfizer และ Moderna ก็คาดว่าจะมีการพิจารณาให้หลังในสัปดาห์ต่อมา ซึ่งอาจทำให้เกิดการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาทั้งสหรัฐฯและยุโรปได้ เมื่อวัคซีนขั้นสุดท้ายมีประสิทธิภาพ 94.1%

 

 

·         FAA หรือ องค์การบริหารการบินแห่งชาติ พร้อมสนับสนุนการขนส่งวัคซีนทางอากาศจากทาง Pfizer  หากได้รับการอนุมัติโดยเร็วที่สุด

 

·         CEO จากโรงพยาบาลมอนตานา ชี้ สูญเสียแพทย์จากการระบาดของ Covid-19 กว่า 1 ใน 4 จากการทำงานหนักตลอดช่วงการระบาดที่ผ่านมา ประกอบกับเทศกาล Thanksgiving มีแนวโน้มเห็นยอดติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น

 

·         ยอดเดินทางด้วยสายการบินประสภาวะตกต่ำครั้งประวัติการณ์ในเทศกาล Thanksgiving เมือเทียบกับปีที่แล้ว


โดยที่หน่วยงานบริการด้านความมั่นคงสำหรับการขนส่งเผยมีประชาชนใช้บริการเดินทางเพียง 1.2 ล้านคน ถือว่ามากที่สุดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค. แต่ภาพรวมปีนี้ก็ยังแย่ลงกว่า 60% เมื่อเทียบปีที่แล้ว

 

·         สภาคองเกรสกลับสู่การเผชิญกำหนดเส้นตายของภาวะรัฐบาล Shutdown, ท่ามกลางการเรียกร้องการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มจากยอดติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างหนัก

สภาคองเกรสในสัปดาห์นี้กลับสู่การเผชิญหน้าในการแก้ไขปัญหา 2 ประเด็นหลักให้ได้ก่อนสิ้นปีนี้
11 ธ.ค. กำหนดเส้นตาย
 Shutdown ดังนั้น สมาชิกสภาคองเกรสจำเป็นต้องผ่านร่างงบประมาณให้ได้ก่อนเวลานั้
การอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางยอดติดเชื้อในสหรัฐฯที่พุ่งขึ้นอย่างหนัก และโรงพยาบาลประสบภาวะรองรับผู้ป่วยไม่เพียงพอที่คาดจะกระทบเศรษฐกิจด้วย

อย่างไรก็ดี พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยังเห็นต่างกันเรื่องข้อตกลงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยผู้นำเสียงข้างมากวุฒิสภายืนยันข้อเรียกร้องที่ 5 แสนล้านเหรียญ ขณะที่โฆษกสภาผู้แทนราษฎรต้องการให้เกิดวงเงินช่วยเหลือไม่น้อยกว่า 2.2 ล้านล้านเหรียญ เพื่อช่วยเหลือสถานพยาบาล, ขยายเวลาคนว่างงาน, เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และปกป้องนโยบายอื่นๆที่กำลังจะหมดอายุในสิ้นปีนี้

 

·         “โพเวลล์” ย้ำความสำคัญโปรแกรมเงินกู้, เรียกร้องหนุนแนวโน้มเศรษฐกิจจากความไม่แน่นอนอย่างมาก

CNBC รายงานถ้อยแถลงของ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ก่อนเข้าพบกับคณะกรรมาธิการกำกับดูแลทางการเงินของวุฒิสภาสหรัฐฯในคืนนี้ประมาณ 22.00น. (ตามเวลาไทย) ที่จะยังย้ำเน้นถึงความสำคัญในเรื่องโปรแกรมเงินกู้ช่วงวิกฤต Covid-19 เพื่อรักษาภาวะเศรษฐกิจในการเผชิญกับวิกฤตที่ย่ำแย่ รวมทั้งเป็นความสำคัญในการเสริมสภาพคล่องแก่ตลาดสินเชื่อ ช่วยฟื้นเม็ดเงินให้แก่กลุ่มผู้กู้ภาคเอกชนสู่สภาวะปกติ

หลายๆโครงการสำคัญที่เฟดใช้มาตั้งแต่เดือนมี.ค. จะถูกบังคับให้หมดอายุลงในสิ้นปีนี้ และเฟดจะพยายามต่อสู้เพื่อให้โครงการเหล่านั้นกลับมาเพื่อเป็นการสนับสนุนการทำงานของพวกเขา

 

·         “มนูชิน”  เรียกร้อง คองเกรสใช้ประโยชน์จากเงินที่ไม่ได้ใช้ใน CARES Act สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม จากวงเงิน 4.55 แสนล้านเหรียญจากโครงการเฟดเพื่อนำมาช่วยเหลือเศรษฐกิจและภาคครัวเรือน รวมถึงภาคธุรกิจของสหรัฐ

 

ทั้งนี้ นายมนูชินเตรียมกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารวุฒิสภาในวันนี้ โดยจะเป็นการปรากฎตัวเคียงคู่กับประธานเฟด

 

·         ไอเอ็มเอฟเตือน “ผลกระทบที่น่าเป็นกังวล” ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจยูโรโซนอันเนื่องจาก Second Wave ที่ดูจะบั่นทอนการเติบโตตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และจะส่งผลต่อไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ด้วย ซึ่งหากสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปก็มีแนวโน้มว่าจะส่งผลต่อจีดีพีช่วงไตรมาสแรกของปี 2021 ให้ออกมาแย่กว่าคาด

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ไอเอ็มเอฟเผยถึงการระดมทุนจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูยุโรปในวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร (9 แสนล้านเหรียญ) ที่จำเป็นจะต้องเริ่มต้นขึ้น เพราะหากยังถูกเลื่อนออกไปมีโอกาสส่งผลเสียต่อการฟื้นตัวของภูมิภาคได้ รวมทั้งอีซีบีก็จำเป็นต้องมีมาตรการดำเนินนโยบายเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการขยายการเข้าซื้อพันธบัตร แต่ทางเลือกอื่นๆ ในการผ่อนคลายกฎโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ธนาคารพาณิชย์รอบใหม่ (Targeted Long-Term Refinancing Operations: TLTRO) รวมทั้งการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมด้วย เพราะจะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจจาก Second Wave ที่กำลังคุกคามเวลานี้

นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟ ยังกล่าวเตือนถึงการตกลงกันไม่ได้ของอังกฤษและอียู ที่อาจสร้างความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองชาติ รวมทั้งเพิ่มความไม่แน่นอนให้มากยิ่งขึ้นด้วย

 

·         CFO จาก ABN Amro ชี้ เศรษฐกิจจะค่อยๆฟื้นตัวในปี 2024 โดยแนวโน้มในเวลานี้ยังตึงตัวแต่จะค่อยๆผ่อนคลายและเติบโตได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีดังกล่าว

 

·         รัฐแอริโซนาและวินคอนซิน ประกาศรับรองผลชัยชนะเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแก่นายไบเดน

 

·         Brexit เจรจาการค้าโค้งสุดท้ายก่อนกำหนดเส้นตาย No-deal ในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ โดยที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ร่วมกันได้ ซึ่งมีโอกาสล้มเหลวและประสบกับ No-deal ที่จะส่งผลให้มูลค่าของกำแพงภาษีสำหรับการส่งออกของท้งสองฝ่ายอยู่ในระดับสู


รวมทั้งอาจปราศจากเรื่องการตกลงการทำประมงร่วมกันด้วย


·         การขึ้นภาษีไวน์ของจีนอาจสร้างความเสียหายครั้งใหญ่แก่บริษัทผู้ผลิตรายย่อยของออสเตรเลีย หลังจากที่จีนประกาศในวันศุกร์ที่ผ่านมาในการเพิ่มกรอบภาษีจาก 107% สู่ระดับ 212ในกลุ่มสินค้านำเข้าประเภทไวน์ ที่จะมีผลในวันที่ 28 พ.ย. เป็นต้นไป

ขณะที่ออสเตรเลียส่งออกไวน์ให้กับจีนมากสุด คิดเป็นมูลค่า 39ของการส่งออกไวน์ทั้งหมดที่สิ้นสุดในช่วง ก.ย. ปีที่ผ่านมา

 

·         นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 30.20-30.35 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ตลาดจับตาดูเป็นเรื่องของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในต่างประเทศ และ รายละเอียดแพ็คเกจมาตรการดูแลค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)


 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าเศรษฐกิจไทยในเดือน ต.ค.63 หดตัวในอัตราสูงขึ้นเมื่อเทียบกับการหดตัวในเดือนก่อน จากปัจจัยชั่วคราวที่หมดลง และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่สูงในปีก่อน โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนกลับมาหดตัวจากที่

ขยายตัวได้เล็กน้อยในเดือนก่อน หลังปัจจัยชั่วคราววันหยุดยาวพิเศษหมดลง มูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำยังเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน แต่หดตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนเช่นเดียวกับเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนที่หดตัวสูงขึ้น โดยส่วนหนึ่งจากผลของฐานสูงในปีก่อน ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐกลับมาหดตัวจากการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำที่ล่าช้า ส่วนภาคการท่องเที่ยวยังหดตัวสูงจากผลของมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ

ธปท.เตรียมจะสรุปมาตรการเพื่อดูแลอัตราแลกเปลี่ยนโดยจะออกเป็นแพ็คเกจในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งส่วนหนึ่งของมาตรการบางส่วนเป็นเรื่องที่ทำไปแล้ว แพ็คเกจดังกล่าวจะดูทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพราะต้องยอมรับว่าความผันผวนที่เกิดขึ้น ไม่ได้มาจากปัจจัยระยะสั้นเพียงอย่างเดียว แต่มาจากปัจจัยโครงสร้างอัตราแลกเปลี่ยนของไทย ซึ่งแพ็คเกจดังกล่าวจะอยู่ในแผน FX Ecosystem ซึ่งจะทำให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวใน 2 ทิศทางมากขึ้น รวมทั้งทำให้ผู้ประกอบการสามารถรับการแข็งค่าของเงินบาทได้มากขึ้น

 

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท (MOU) กับ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจะมีคนกลางช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย ทำให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนมีความเป็นธรรมมากขึ้น โดยไม่ต้องฟ้องคดีที่ศาล มีความสะดวก รวดเร็ว ช่วยลดปริมาณคดีที่จะขึ้นสู่ชั้นศาล ช่วยลดค่าเสียโอกาสและค่าใช้จ่าย ซึ่งจะช่วยให้การจัดสรรทรัพยากรในระบบเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

·         อ้างอิงจาก PPTV36HD

คำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง

1 ธ.ค. ผบ.สส. ออกคำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ที่ 29/63 คืนชีพด่าน ชุดตรวจตามมาตรการผ่อนคลาย ที่ชุมนุม แหล่งต่างด้าว ป้องกันโควิด-19

1. ให้การปฏิบัติการตามคำสั่ง ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง  ในเรื่องปรับการตั้งจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดโควิด - 19 จัดตั้งคณะตรวจการประกอบกิจการ และกิจกรรมตามาตรการผ่อนคลาย

2. ดำรงความต่อเนื่องในการตั้งจุดตรวจร่วม และชุดสายตรวจร่วม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ การก่ออาชญากรรม การรวมกลุ่มชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วย การชุมนุมสาธารณะหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค หรือการกระทำอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติม ความเดือดร้อนของประชาชน

3.เพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้น และจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com