• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563

    6 พฤศจิกายน 2563 | Gold News

U.S. Presidential Election 2020 | UPDATES

สรุปสถานการณ์เลือกตั้ง: http://www.mtsgold.co.th/th/research/detail.php?ID=21810&SECTION_ID=23


ทองคำปรับขึ้นทำสูงสุดรอบกว่า 1 เดือนครึ่ง จากดอลลาร์อ่อนค่าหนักขานรับกระแสชัยชนะ “ไบเดน”

· ราคาทองคำดีดตัวปรับขึ้นทำสูงสุดรอบกว่า 1 เดือนครึ่ง จากโอกาสที่เห็นได้ชัดว่านายโจ ไบเดน น่าจะเป็นผู้ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไป ทำให้นักลงทุนบางส่วนยังคาดหวังว่าจะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงทำต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ และหุ้นทั่วโลกดีดตัวขึ้นตอบรับความหวังดังกล่าว จากการที่นายไบเดนเอาชนะนายทรัมป์ที่รัฐมิชิแกน และวิสคอนซินได้


· ราคาทองคำตลาดโลกปิดปรับขึ้นกว่า 2.3% ที่ระดับ 1,947.16 เหรียญ หลังไปทำสูงสุดนับตั้งแต่ 21 ก.ย. ได้ที่ 1,952.41 เหรียญ


· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +2.9% ที่ 1,951.8 เหรียญ


· หัวหน้าเทรดเดอร์จาก U.S. Global Investors กล่าวว่า มีแนวโน้มค่อนข้างชัดเจนว่านายไบเดนจะเป็นฝ่ายชนะและเป็นประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตคนต่อไป จึงทำให้ตลาดคาดหวังว่าจะมีมาตรการเศรษฐกิจจำนวนมาก


· การประชุมเฟดประจำเดือนพ.ย. นี้ พบว่ายังคงมีการคงดอกเบี้ย และมีมุมมองต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นก่อนที่จะเกิดการระบาดอย่างหนักในเวลานี้


· บรรดาเทรดเดอร์เกิดความตระหนกตกใจหลังจากที่นายทรัมป์ ทำการยื่นฟ้องการเลือกตั้งในรัฐมิชิแกน และรัฐเพนซิลเวเนียเพื่อให้เกิดการยุติการนับคะแนนโหวต


· นักวิเคราะห์จาก Standard Chartered กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำในเวลานี้ คือ คาดการณ์ที่ดอลลาร์จะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง อัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่ยังอยู่แดนลบ และการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป


· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,252.42 ตัน


· ราคาซิลเวอร์ปิด +4.5% ที่ระดับ 24.99 เหรียญ


· ราคาแพลทินัมปิด +3.4% ที่ระดับ 898.71 เหรียญ


· ราคาพลาเดียมปิด +5.2% ที่ 2,408.61 เหรียญ


· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลกรวมใกล้ทะลุ 49 ล้านราย โดยล่าสุดอยู่ที่ 48.99 ล้านราย ทางยอดรวมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1.238 ล้านราย

· ยอดผู้ติดเชื้อรายวันในสหรัฐฯพุ่งทะลุ 100,000 รายเป็นครั้งแรก ทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยล่าสุดมียอดผู้ติดเชื้อแตะ 111,897 ราย เพิ่มขึ้นจากวันเลือกตั้งที่อยู่ประมาณ 91,530 ราย สำหรับยอดโดยรวมของประเทศสะสมอยู่ที่ 9.91 ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตรวมทะลุ 240,000 รายเป็นที่เรียบร้อย

· ขณะที่หลายฝ่ายเป็นกังวลว่าการระบาดของสหรัฐฯในเวลานี้มียอดติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นสู่ระดับอันตราย ขณะที่การเลือกตั้งยังคงเป็นไปอย่างร้อนแรง


· คาดจ้างงานเดือนต.ค. จะชะลอตัวลงเนื่องจากการจ้างงานลดลง และคนตกงานมากขึ้น


ข้อมูลของ Dow Jones คาด การจ้างงานเดือนต.ค. จะอยู่ที่ 530,000 ตำแหน่ง โดยลดลงประมาณ 150,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.ที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นที่ 661,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานมีแนวโน้มที่จะลดลงเหลือ 7.7% จากเดิมเมื่อเดือนก.ย.อยู่ที่ 7.9%


· รองรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศจีน หวังว่า ทีมบริหารสหรัฐฯชุดใหม่จะพบกันคนละครึ่งทางได้ เพื่อให้เกิดการดำเนินการที่เป็นไปอย่างมีเสถียรภาพและราบรื่นมากยิ่งขึ้น


· อังกฤษขยายโครงการช่วยเหลือคนตกงานจาก Covid-19 จนถึงมี.ค. 2021 เพื่อช่วยเหลือด้านค่าแรงให้กับผู้ที่ไม่สามารถทำงานได้ในช่วงวิกฤตเวลานี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจอังกฤษที่ชะลอตัวและเสี่ยงเข้าสู่ภาวะขาลง


· Brexit สัญญาณอันตราย สะท้อนว่าต่อให้มีข้อตกลงหรือไม่มีก็จะกระทบกับกลุ่มบริษัทไอร์แลนด์


· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.60-30.85 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 5 เดือนนับตั้งแต่ มิ.ย.63 จากผลของดอลลาร์ที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เนื่อง จากยังมีความไม่แน่นอนเรื่องผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคาดว่าวันนี้เงินบาทก็ยังมีทิศทางแข็งค่าต่อ


· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- กระทรวงพาณิชย์ เผยเงินเฟ้อ ต.ค.63 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน -0.50% ซึ่งถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นเพราะเริ่มติดลบน้อยลง และคาดว่าในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ อัตราเงินเฟ้อจะเริ่มติดลบน้อยลงตามความต้องการอุปโภคบริโภคภายในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยคาดว่าทั้งปีอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับ -0.85%

- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ในเดือน ต.ค.63 พบว่า ในอีก 3 เดือนข้างหน้าดัชนีอยู่ที่ระดับ 61.27 ปรับตัวลดลง 9% จากเดือนก่อนหน้า และยังคงอยู่ในเกณฑ์ "ซบเซา" ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 นักลงทุนคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือนโยบายภาครัฐและการไหลเข้าออกของเงินทุน ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รองลงมาคือ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และการท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงความกังวลต่อการระบาดระลอกสองของโควิด-19


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com