• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 25 กันยายน 2563

    25 กันยายน 2563 | Gold News

ทองปรับขึ้นจากท่าทีเฟดผ่อนคลายทางการเงิน - ดอลลาร์อ่อนค่า

· ราคาทองคำกลับมาปิดแดนบวกอีกครั้ง หลังจากที่ไปทำต่ำสุดรอบ 2 เดือน จากการที่ดอลลาร์อ่อนค่าจากถ้อยแถลงของบรรดาสมาชิกเฟดที่มีท่าทีผ่อนคลายทางการเงินอยู่


· ราคาทองคำตลาดโลกปิดปรับขึ้น 0.6% ที่ 1,874.93 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.5% ที่ 1,876.9 เหรียญ


· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,267.14 ตัน


· หัวหน้านักกลยุทธ์จาก TD Securities กล่าวว่า เฟดยังคงกล่าวถึงการที่พวกเขาจะทำทุกทางเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดผลเชิงลบใดๆ และทำให้ตลาดตอบรับในเชิงการที่เฟดน่าจะมีการเพิ่มการผ่อนคลายทางการเงิน และส่งผลบวกต่อราคาทองคำ


· รายงานจาก CNBC ระบุว่า บรรดาสมาชิกเฟดหลายรายยังคงกล่าวย้ำถึงการที่จะคงดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำจนกว่าตลาดแรงงานจะฟื้นตัว หรือเงินเฟ้อปรับขึ้นแตะ 2%


· ราคาทองคำปรับตัวลงมาแล้วกว่า 10% จากระดับสูงสุดในเดือนส.ค. จากคาดกาณณ์ที่ว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะยังไม่สามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้


· ราคาซิลเวอร์ปิด +1.8% ที่ 23.28 เหรียญ หลังทำต่ำสุดนับตั้งแต่ 22 ก.ค. ในช่วงต้นตลาด


· ราคาแพลทินัมปิด +1% ที่ 847 เหรียญ หลังทำต่ำสุดรอบ 2 เดือน ด้านพลาเดียมปิด +0.4% ที่ระดับ 2,229.83 เหรียญ หลังทำต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน


· เดโมแครตจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เผยร่างงบประมาณ Covid-19 ฉบับใหม่วงเงิน 2.2 ล้านล้านเหรียญ

หนึ่งในส.ส. จากสภาให้ข้อมูลกับทาง Reuters โดยระบุว่า สมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาล่าง กำลังร่วมมือกันในการผลักดันร่างงบประมาณช่วยเหลือในช่วง Covid-19 โดยคาดจะสามารถลงมติได้ในสัปดาห์หน้า

ขณะที่นางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวย้ำว่า เธอพร้อมที่จะเจรจากับรัฐบาล


· Reuters รายงานว่า การหารือเรื่องงบประมาณเลี่ยง Shutdown สหรัฐฯจะไม่สามารถหาข้อสรุปได้จนกว่าจะถึงสัปดาห์หน้า

เมื่อคืนนี้วุฒิสภาสหรัฐฯมีการลงนามร่างงบประมาณเพื่อเลี่ยงภาวะ Shutdown ออกไปจนถึงวันที่ 11 ธ.ค. แทน เพื่อเป็นการปูทางในการหารือข้อสรุปเพื่อหลีกเลี่ยงการ Shutdown ของรัฐบาลอีกครั้งในสัปดาห์หน้า แต่ภาพรวมก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันได้ก่อนกำหนดเส้นตายในวันพุธหน้า

หลังจากที่พรรคเดโมแครตใช้ข้อกฎหมายในการเลื่อนหารือออกไปเพื่อเป็นการคัดค้านต่อกรณีที่พรรครีพับลิกันมีการเร่งหาผู้มาดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯ หลังจากที่นางรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก เสียชีวิตในสัปดาห์ที่แล้ว


· มนูนชิน - โพเวลล์ เห็นพ้องในการโยกงบที่เหลือ 3.8 แสนล้านเหรียญ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ

นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด เห็นพ้องกันในการนำงบประมาณที่เหลือ 3.8 แสนล้านเหรียญ ย้ายเข้าสู่กองงบประมาณสำหรับช่วยเหลือวิกฤต Covid-19 แก่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจหากสภาคองเกรสมีการอนุมัติแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจได้

อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์หลายรายก็มองว่า งบประมาณดังกล่าวยังคงน้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ 5 แสนล้านเหรียญ ถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ แต่ความตึงเครียดระหว่างพรรครีพับลิกันและเดโมแครตที่เพิ่มขึ้น ก็ทำให้พวกเขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถตกลงเรื่องงบประมาณกันได้ก่อนเลือกตั้ง 3 พ.ย. นี้หรือไม่ และมีความเป็นไปได้สูงที่น่าจะไม่สามารถตกลงกันได้


· “โพเวลล์” หนุนกลุ่มธุรกิจ Main Street โดยอาจให้กู้เงินเพิ่มสูงสุด 3 หมื่นล้านเหรียญได้ในสิ้นปีนี้


· ประธานเฟดชิคาโก ย้ำ สหรัฐฯอาจเผชิญความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น หากปราศจากการช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มติม


· ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวว่า ความไม่เท่าเทียมกันในด้านโครงสร้างเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้น การที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้อย่างเต็มรูปแบบ ต้องมีการลงทุนในเรื่องสุขภาพ, การศึกษา, โครงสร้างพื้นฐาน และการฝึกอบรมมากขึ้น


· ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ คาดเงินเฟ้อระดับต่ำจะยิ่งสร้างความตึงเครียดในอนาคต ดังนั้น กรอบนโยบายการเงินรอบใหม่ของเฟดจึงอาจช่วยหนุนให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นได้ตามคาดการณ์


· ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า Second Wave ไม่ควรนำมาเป็นปัจจัยในการคาดการณ์ผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยสิ่งสำคัญคือควรติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในการควบคุมการระบาดและการเสียชีวิตมากกว่


· จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดจากการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เบาบางลง

จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้เล็กน้อยในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวได้อย่างชะลอตัว ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์อยู่ที่ระดับ 870,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 850,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 866,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้


· ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯเดือนส.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 14 ปี

ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯประจำเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 14 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยยังคงได้รับแรงผลักดันอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะชอลอตัวลงจากผลกระทบของไวรัสโคโรนาก็ตาม

โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 4.8% สู่ระดับ 1.011 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. ปี 2006 ที่ผ่านมา


· สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:

ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 32.39 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตรวม 987,066 ราย

· อังกฤษมีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นมากสุดแตะ 6,634 ราย โดยส่วนหนึ่งมาจากการตรวจสอบหาเชื้อเพิ่ม

· สเปนมียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวมทะลุ 700,000 ราย โดยกรุงมาดริดถือเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดมากที่สุด

· พม่าพบรายงานผู้ติดเชื้อทะลุ 1,000 รายต่อวัน ทำสูงสุดรายวันเป็นประวัติการ์ที่ 1,052 รายวานนี้

· สิงคโปร์ยังคงไม่ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม แม้ว่ายอดติดเชื้อรายวันจะปรับตัวลง

· เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรครีพับลิกันให้สัญญาจะถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ หลังทรัมป์ไม่รับปากที่จะทำหากแพ้เลือกตั้ง


· นักบริหารเงิน คาดวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.45-31.65 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าตามภูมิภาค ระหว่างวันบาทอ่อนค่าทำ New High ในรอบสองเดือน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าหลังนักลงทุนกังวล สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยนักลงทุนยังคงเทขายทองคำกลับมาถือครองค่าเงินดอลลาร์

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีโอกาสกลับเข้าสู่ภาวะปกติในอีก 2 ปีข้างหน้าก่อนจะฟื้นตัวในปี 66 บนสมมติฐานการมีวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาและไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี ซึ่งก็จะนับว่าเร็วกว่าเมื่อเทียบกับช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งที่ใช้เวลาถึง 5 ปี

- อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า หลังจากผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤติโควิดไปแล้ว ทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยต่างจะต้องเผชิญกับความท้าทายที่มากขึ้น โดยความท้าทายของเศรษฐกิจไทยในระยะสั้น มีด้วยกัน 7 เรื่อง คือ

1.เศรษฐกิจหดตัวอย่างรุนแรง

2.รายได้ผู้ประกอบการลดลง

3.อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น

4.หนี้ครัวเรือน หนี้เอกชน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น

5.นโยบายการเงินดอกเบี้ยต่ำ Unconverntional Monetary Policy เพิ่มขึ้น

6.ราคาสินทรัพย์มีความผันผวน (ค่าเงิน ตลาดเงิน ตลาดทุน)

7.NewNormal Way of Life (Digital Transformation)

- ประธานสมาคมธนาคารไทย ชี้แจงกรณีที่ปรากฎรายงานข่าวทางเว็บไซต์ของสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (ICIJ) ว่า สถาบันการเงินหลายแห่งในหลายประเทศ รวมทั้ง 4 ธนาคารในประเทศไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมโอนเงินต้องสงสัยว่า ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อย่างใกล้ชิดในการตรวจสอบข้อมูลที่มีการอ้างถึงที่ยังไม่สามารถทราบความถูกต้องและรายละเอียดของเอกสารข้อมูลที่ชัดเจน

- ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) โดย Economic Intelligence Center (EIC) คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับต่ำที่สุดในประวัติการณ์ที่ 0.50% ในช่วงที่เหลือของปี


อ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่: www.mtsgold.co.th

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com