• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 10 กันยายน2563

    10 กันยายน 2563 | Economic News
 

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวลดลง จากความเชื่อมั่นนักลงทุนที่อ่อนแอ หลังหุ้นเทคโนโลยีฟื้นตัว

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงมาที่บริเวณ 0.6935% ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับลงมาที่ 1.4459%

ทั้งนี้ เหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ก.ย. คาดว่าจะแตะ 846,000 คน เนื่องจากตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแสดงสัญญาณการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง


· ByteDance เจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯเกี่ยวกับทางเลือกเลี่ยงภาษียอดขาย TikTok เต็มรูปแบบ

แหล่งข่าววงในกล่าวกับทาง CNBC โดยระบุว่า บริษัท ByteDance มีการพูดคุยกับรัฐบาลสหรัฐฯเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการหาทางออกที่อาจอนุญาตเจ้าของธุรกิจสามารถเป็นเจ้าของกิจการในการดำเนินการจัดการร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯเกี่ยวกับTikTok ขณะเดียวกันเพื่อให้เกิดความพึงพอใจแก่หน่วยงานกำกับดูแลของทั้งสหรัฐฯและจีนด้วย โดยความเป็นไปได้ดังกล่าว ประกอบไปด้วยการควบคุมการส่งมอบการจัดการด้านข้อมูลของ TikTok สู่บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และความเป็นไปได้ในกรรมสิทธิ์เจ้าของสินทรัพย์

สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่า บริษัท ByteDance มีการดำเนินการร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯในการหาทางออกเพื่อหลีกเลี่ยงภาษียอดขายอย่างเต็มรูปแบบ และการหารือกันอาจใช้ระยะเวลาหลายเดือน เนื่องจากสถานการณ์ในเวลานี้ยังเป็นไปอย่างไม่แน่นอน ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าทีมบริหารของนายทรัมป์จะมีความตั้งใจเข้าร่วมแก้ไขปัญหานี้ด้วยหรือไม่


· ยูโรปรับแข็งค่าขึ้นจากเทรดเดอร์ที่จับตาทิศทางอีซีบี

ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นวันนี้จากกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยผลประชุมอีซีบีเกี่ยวกับมุมมองการปรับค่าเงินให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและผลกระทบทางด้านเงินเฟ้อ

ค่าเงินปอนด์ทรงตัวเหนือ ระดับต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ แต่ตลาดอาจปรับอ่อนค่าลงต่อได้จากความกังวลเรื่องที่อังกฤษและอียูจะล้มเหลวในประเด็นข้อตกลงทางการค้า

ขณะเดียวกันอีซีบีถูกคาดว่าจะคงดอกเบี้ยในการประชุมนโยบาย แต่นักลงทุนค่อนข้างให้ความสำคัญต่อถ้อยแถลงของนางคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบีเกี่ยวกับเรื่องค่าเงินยูโรที่แข็งค่าในรอบ 2 ปีในเดือนนี้ ที่อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ค่าเงินยูโรแข็งค่ามาบริเวณ 1.1821 ดอลลาร์/ยูโร ด้านเงินปอนด์ทรงตัวบริเวณ 1.2993 ดอลลาร์/ปอนด์ ซึ่งถือว่าแข็งค่าจากที่ลงไปทำต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์เมื่อวานนี้ที่ระดับ 1.2839 ดอลลาร์/ปอนด์

อย่างไรก็ดี เทรดเดอร์อาจมีการลดการเข้าซื้อยูโรก่อนการประชุมอีซีบี หลังจากที่บรรดาสมาชิกอีซีบีมีการแถลงต่อสื่อในช่วงก่อนหน้านี้ว่าไม่สบายใจต่อการที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าไปเกือบ 6% จากระดับต่ำสุดในเดือนมิ.ย.

มุมมองดังกล่าวของอีซีบีเป็นผลความกังวลจากการที่เงินเฟ้อยูโรโซนเคลื่อนไหวเชิงลบในเดือนส.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 ขณะที่เฟดให้ความสนใจกับการปรับเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย

นักเศรษฐศาสตร์อาวุสจาก AXA Investment Managers กล่าวว่า ความเป็นไปได้ที่อีซีบีอาจพยายามที่จะก้าวออกจากนโยบายผ่อนคลายจากการที่ยูโรแข็งค่ามากเกินไป แต่ก็ไม่แน่นอนว่าจะมีการปรับเป้าหมายเฉลี่ยเงินเฟ้อหรือไม่ เพราะดูจะเป็นการยากที่จะกล่าวถึงประเด็นนี้

ทั้งนี้ คืนนี้จะไม่มีการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำครัญใดๆ แต่ตลาดอาจให้ความสนใจและรอการประชุมอีซีบีอยู่

นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังให้ความสนใจกับการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังเผชิญแรงขายอย่างหนักในตลาดหุ้นเอเชีย ที่บ่งชี้ถึงความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 93.172 จุด


· อีซีบีน่าจะมุ่งประเด็นยูโรแข็งค่าและการกระตุ้นทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม

การประชุมอีซีบีในวันนี้คาดจะยังคงนโยบาย แต่อาจมีการปรับทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการแข็งค่าของยูโร และการอ่อนตัวของเงินเฟ้อ ที่ทั้งหมดนี้จะเป็นตัวกำหนดถึงการต้องมีนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม

ทั้งนี้ อีซีบีน่าจะต้องพยุงเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจของยูโรโซนที่ปรับตัวลดลง ซึ่งอีซีบีน่าจะปล่อยให้รัฐบาลมีการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจด้วยตนเองควบคู่กับการใช้นโยบายผ่อนคลายฉบับพิเศษเพิ่มเติม ขณะที่การปรับตัวขึ้นของข้อมูลผลลิตจากที่ดิ่งลง -12% ในช่วงไตรมาสที่สอง ถือเป็นเรื่องที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ คาดหวังว่าจะทำให้อีซีบีต้องมีการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเร็วที่สุดภายในเดือนธ.ค.นี้


· อียูจะดำเนินการทางกฎหมายต่ออังกฤษจากกรณีกฎหมายฉบับใหม่

แหล่งข่าวรายหนึ่ง เผยว่า อียูจะดำเนินการทางกฎหมายภายใต้สนธิสัญญาการถอนตัว หากการเจรจาฉุกเฉินกับอังกฤษในวันพรุ่งนี้ไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับทางอียูได้ว่า อังกฤษจะไม่ทำการละเมิดข้อตกลงที่ทำร่วมกันไว้ก่อนหน้า


· ยอดขายรถยนต์ของจีนในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 11.6% ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5

ยอดขายรถยนต์ของจีนประจำเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 11.6% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 5 หลังจากที่ตลาดรถยนต์ลดลงต่ำสุดในช่วงที่มีมาตรการ Lockdown จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

ข้อมูลจาก China Association of Automobile Manufacturers (CAAM) ระบุว่า ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 2.19 ล้านคันในเดือนที่แล้ว ซึ่งยอดขายโดยรวมยังคงลดลง 9.7% ในช่วง 8 เดือนแรกของปีที่ 14.55 ล้านคัน

ด้านยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ในจีนเพิ่มขึ้น 25.8% เมื่อเทียบเป็นรายปีเป็น 109,000 คันในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกที่ลงทุนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

CAAM คาดว่ายอดขาย NEV ในปีนี้ 1.1 ล้านคันลดลงประมาณ 11% จากปีที่แล้ว

ยอดขายรถบรรทุกและรถเพื่อการพาณิชย์อื่น ๆ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1 ใน 4 ของตลาดเพิ่มขึ้น 41.6% โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานและเนื่องจากผู้ซื้ออัพเกรดเป็นยานพาหนะใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับกฎการปล่อยมลพิษที่เข้มงวด


· ยอดคำสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นในเดือนก.ค.ฟื้นตัว หลังได้รับผลกระทบจากแนวโน้มธุรกิจที่เปราะบาง

คำสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นดีดตัวขึ้นในเดือนก.ค.หลังจากการลดลงอย่างรวดเร็วในเดือนก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับเศรษฐกิจที่เผชิญกับวิกฤตไวรัสโคโรนา แต่แนวโน้มการใช้จ่ายยังคงไม่แน่นอนเนื่องจากสภาพธุรกิจทั่วโลกที่เปราะบาง

โดยคำสั่งซื้อเครื่องจักรเพิ่มขึ้น 6.3% หลังจากที่ลดลง 7.6% ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่เหล่านักเศรษฐศาสตร์จาก Reuters คาดว่า จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 1.9%

ทั้งนี้ บริษัทญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความตึงเครียดจากผลประกอบการที่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากเศรษฐกิจต้องเผชิญกับภาวะตกต่ำจากการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว


· น้ำมันดิบทรงตัว แต่ความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ยังคงมีอยู่

ราคาน้ำมันดิบเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลังจากที่ร่วงลงในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากอุปสงค์ยังคงถูกบดบังจากกรณีการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศและสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 4 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.1% ที่ระดับ 38.01 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.05% ที่ระดับ 40.81 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com