• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 8 กันยายน2563

    8 กันยายน 2563 | Economic News
 

· ดอลลาร์ทรงตัวก่อนประชุมอีซีบี, Brexit กระทบค่าเงินปอนด์

ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวในวันนี้ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยแนวทางการผ่อนคลายนโยบายการเงินของอีซีบีในช่วงปลายสัปดาห์นี้ที่อาจส่งผลกับค่าเงินยูโรได้ ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าจากความไม่แน่นอนในเรื่อง Brexit

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 93.128 จุด ขณะที่ยูโรอยู่ที่ 1.1809 ดอลลาร์/ยูโร

การเคลื่อนไหวของค่าเงินในตลาดเอเชียวันนี้เป็นไปในระดับปานกลาง โดยตลาดดูจะให้ความสนใจกับการประชุมอีซีบีในวันพฤหัสบดีนี้

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ไม่คาดคิดว่าอีซีบีจะมีการเปลี่ยนท่าทีการดำเนินนโยบายแต่รอการส่งสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาดการณ์เงินเฟ้อและรอดูว่าจะมีความกังวลเรื่องค่าเงินยูโรแข็งค่ามากไปหรือไม่ ซึ่งการประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ค่าเงินยูโรได้ผ่าน1.2 ดอลลาร์/ยูโรไปแล้วเมื่อช่วงต้นเดือน จนมีการกล่าวถ้อยแถลงในเชิงความกังวลของค่าเงินยูโรจากนักเศรษฐศาสตร์ของอีซีบี

นักวิเคราะห์ค่าเงินจาก Commonwealth Bank of Australia กล่าวว่า อีซีบีอาจมีการแสดงความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับความเหมาะสมของค่าเงินยูโร และอาจมีการปรับคาดการณ์เงินเฟ้อในบางช่วงได้ และดอลลาร์ก็มีโอกาสจะแข็งค่าขึ้นในสัปดาห์นี้ จากท่าที่ที่อีซีบีน่าจะยังมีท่าทีผ่อนคลายทางการเงิน

นักวิเคราะห์หลายราย กล่าวว่า ตลาดค่าเงินอาจไม่ใช้เวลานานไปในการพิจารณาว่าใครเป็นผู้นำในการแข่งขันค่าเงินในเวลานี้ โดยต้องจับตาไปยังผู้นำญี่ปุ่นคนใหม่ที่มีแนวโน้มจะยังเดินตามนโยบายของนายอาเบะ

ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 106.29 เยน/ดอลลาร์

เงินปอนด์ปรับอ่อนค่าท่ามกลางวิกฤตการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างอียู-อังกฤษ โดยการเจรจารอบใหม่จะเกิดขึ้นในกรุงลอนดอนคืนนี้ และจะเห็นได้ถึงค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าลง 0.2% ที่ 1.3146 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่ปรัับอ่อนค่าลงมา 0.8%ในเมื่อคืนที่ผ่านมา


· เข้มข้นทุกขณะ กับการหาเสียงโค้งสุดท้าย "ไบเดน" vs "ทรัมป์"

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และนายโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ในการหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงวันหยุดวันแรงงานแห่งชาติสหรัฐฯ

ทั้งนี้ นายทรัมป์ กล่าว ณ ห้องประชุมภายในทำเนียบขาวป์ โดยระบุว่า นายไบเดน และเพื่อนร่วมงานของเขา (นางคามาลา แฮร์ริส) ว่าเป็นพวกไม่มีความสามารถที่จะสร้างความเสียหายต่อประเทศ และอาจเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯด้วย

ขณะที่นายไบเดน พุ่งเป้าไปที่รายงานของนายทรัมป์ ว่ามีกองกำลังทหารลดลง ประกอบกับการกล่าวถึงการรับรองการจัดตั้งสหภาพแรงงาน 3 ส่วน ได้แก่ สหภาพแรงงานของอเมริกาเหนือ , สหภาพแรงงานกลุ่มก่อสร้าง และ สหพันธ์แห่งชาติของพนักงานรัฐบาลกลาง

นอกจากนี้ นายไบเดน ให้สัญญาว่าจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯที่แข็งแกร่งที่สุดด้านแรงงานแห่งประวัติศาสตร์ของประเทศ และหากฝ่ายบริหารขัดขวางการจัดตั้งสหภาพจะต้องรับผลตามกฎหมาย รวมทั้งเรื่องการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำและการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของ คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์แห่งชาติ


· ตลาดจับตาประชุมอีซีบีใกล้ชิด

สัปดาห์นี้ตลาดค่อนจะมีเหตุการณ์สำคัญคือ "การประชุมอีซีบี" ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยในสปัดาห์ที่แล้วนักเศรษฐศาสตร์ของอีซีบีได้ออกมาเผยถึงเรื่องค่าเงินยูโรที่หากแข็งค่ามากเกินไปก็อาจเห็นอีซีบีพยายามทำให้ค่าเงินกลับอ่อนค่าลงมาได้

การอ่อนค่าของค่าเงินยูโรจะทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และสินทรัพย์เสี่ยงปรับลง รวมทั้งอาจมีผลต่อค่าเงินเฟ้อ ซึ่งอีซีบีน่าจะไม่เลือกใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินในการประชุมวาระนี้ แต่น่าจะมีการส่งสัญญาณถึงการเลือกใช้นโยบายอย่างเหมาะสมสำหรับตลาด โดยการประชุมวาระนี้ก็อาจสร้างความผันผวนได้ โดยอีซีบีและเฟดต่างก็พยายามปรับนโยบายที่อาจกลายมาเป็นการแข่งขันทางด้านการปรับลดค่าเงินตัวเองได้ โดยจะเห็นได้จากดัชนีดอลลาร์ที่แกว่งตัวอยู่ระหว่าง 92 - 92.5 จุด แต่จากกราฟด้านล่างจะเห็นได้ถึงสัญญาณ Divergence ที่ปรับขึ้น จึงอาจเห็นดัชนีดอลลาร์ไปแตะ 93.5 จุด และเข้าสู่ภาวะขาขึ้นได้

ขณะเดียวกันตลาดก็ดูจะตอบรับกับสัญญาณดังกล่าวจึงเห็นได้ว่าระดับอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกได้ทำให้ดอลลาร์นั้นปรับแข็งค่าขึ้น ขณะที่ค่าเงินยูโรฟิวเจอร์สนั้นปรับตัวลงมา

ค่าเงินยูโรยังมีความท้าทายอยู่บริเวณ 1.2 ดอลลาร์/ยูโร แต่ก็ยังไม่สามารถผ่านไปได้ แต่ภาพทางเทคนิคก็ยังมีการกลับตัว โดย RSI เกิดภาวะ Divergence จากการแข็งค่าของยูโร โดยหากยูโร Break หลุดต่ำกว่า 1.17 ดอลลาร์/ยูโร ก็มีโอกาสปรับลงมาที่ 1.14 ดอลลาร์/ยูโร

การแข็งค่าของดอลลาร์ที่มากขึ้นดูจะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นยุโรป ขณะที่การอ่อนค่าของค่าเงินยูโรดูจะส่งผลต่อการส่งออกทางเศรษฐกิจ อาทิ เยอรมนีที่มีการแข่งขันทางการค้ามากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะช่วยหนุนค่าเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคได้ แต่ในเวลาเดียวกันก็อาจเป็นผลลบต่อดอลลาร์ก็ได้

อย่างไรก็ดี หากอีซีบีมีการดำเนินมาตรการคุมเข้มทางการเงินเพิ่มเติมก็มีแนวโน้มจะเห็นสเปรดที่แตกต่างกันในเรื่องอัตราดอกเบี้ยระหว่างยุโรปและสหรัฐฯ รวมทั้งสเปรดของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของเยอรมนีกับทางสรัฐฯ


ผลต่อน้ำมันก็มีโอกาสเห็นน้ำมันกลับลงแถว 34 เหรียญ/บาร์เรลได้

ในท้ายที่สุด การแข็งค่าของดอลลาร์จะกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯด้วย โดยเฉพาะในแง่การแข่งขันกับหลายๆประเทศ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อรายได้และผลประกอบการ เมื่อมีการแลกเปลี่ยนค่าเงินกลับมาเป็นดอลลาร์ และสิ่งที่ย่ำแย่ที่อาจเกิดขึ้นได้คือการแข็งค่าของดอลลาร์ จึงอาจจะส่งผลต่อการประชุมอีซีบีในสัปดาห์นี้


· ข้อมูลการค้าเยอรมนีเดือนก.ค. ส่งสัญญาณชะลอตัว

ยอดส่งออกเยอรมนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเกิดวิกฤตไวรัสโคโรนาในเดือนก.ค. แม้ว่ายอดส่งออกจะเพิ่มขึ้นมาที่ 4.7% และสะท้อนถึงสัญญาณการฟื้นตัวที่เพิ่มขึ้นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี ขณะที่การระบาดอาจปรับตัวลง

ยอดนำเข้าปรับขึ้นเพียง 1.1% ในเดือนก.ค. ส่งผลให้มียอดเกินดุลการค้าแตะ 1.8 หมื่นล้านยูโร

ทั้งนี้ ข้อมูลทั้งหมดอาจส่งผลให้เกิดคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจเยอรมนีที่อาจกลับมาขยายตัวได้ในไตรมาสที่ 2/2020 และอาจช่วยหนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาได้เทียบเคีงกับช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ กับประเทศคู่ค้าหลักๆบางประเทศ


· รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจญี่ปุ่น กล่าวว่า การเพิ่มรายได้จะช่วยสนับสนุนการอุปโภคบริโภค

นายยาสุโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของญี่ปุ่น กล่าวแสดงความหวังเกี่ยวกับการเพิ่มรายได้ภาคครัวเรือน และการรีบาวน์ของยอดส่งออกที่อาจช่วยหนุนให้การอุปโภคบริโภคแข็งแรง และค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนที่อ่อนแอ โดยที่ข้อมูลจีดีพีไตรมาสที่ 2/2020 อ่อนตัวจากการชะงักงันในกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโคโรนา แต่ก็จะยังเห็นได้ถึงสัญญาณทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้


· เลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาถือเป็นเรื่องสำคัญขั้นสูง-การคงนโยบายอาเบะต่อไป

นายโยชิฮิเดะ ซูงะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ผู้ที่มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของญี่ปุ่น กล่าวว่า เขาจะทำการขยายการทดสอบหาเชื้อไวรัสโคโรนา และผลักดันวัคซีน เนื่องจากการดำเนินนโยบายไวรัสถือเป็นเรื่องสำคัญสูงสุดของเขา และเขาก็จะดำเนินการต่อไปตามนโยบาย Abenomics เพื่อสานต่อการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจตามฉบับของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่เพิ่งประกาศลาออกไป


· ญี่ปุ่นทุ่มเงิน 6.3 พันล้านเหรียญ จากกองทุนสำรองฉุกเฉินสำหรับวัคซีนต้านไวรัสโคโรนา

รัฐมนตรีการคลังของญี่ปุ่นกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติการใช้เงินจำนวน 6.714 แสนล้านเยน หรือ 6.32 พันล้านเหรียญ จากงบกองทุนสำรองฉุกเฉินสำหรับพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาที่ปลอดภัย

รัฐบาลยังหวังอีกว่าวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาที่ปลอดภัยและไม่มีค่าใช้จ่ายจะเพียงพอต่อชาวญี่ปุ่นทุกคนภายในกลางปีหน้า


· Fitch คาดเศรษฐกิจอินเดียหดตัว -11.8% เมื่อเทียบรายปี

สถาบันจัดอันดับ Fitch เผยว่า เศรษฐกิจอินเดียถูกคาดว่าจะหดตัว -11.8% เมื่อเทียบรายปีในงบประมาณประจำปีฉบับล่าสุดที่เริ่มต้นตั้งแต่เดือนเม.ย. ก่อนที่จะดีดกลับได้ในปีงบประมาณใหม่ปีหน้า โดยคาดเศรษฐกิจอินเดียไตรมาสปัจจุบันจะหดตัว -11.9% ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายคาดโตได้ 6.7% และ 5.4% ตามลำดับ

สำหรับ India Ratings คาดเศรษฐกิจอินเดียจะหดตัว -5.3% ในภาพรวมงบประมาณปีนี้ จากคาดการณ์เดิมที่ -4.2% ท่ามกลาง Second Wave ของการระบาดที่ทั่วโลกและอินเดียยังไม่สามารถจัดการได้


· อินเดียมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน

อินเดียมีสถิติผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อรายใหม่จะชะลอตัวก็ตาม

กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาพุ่งขึ้นถึง 1,133 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.โดยมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 72,775 ราย แต่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันอยู่ที่ 75,809 รายซึ่งต่ำที่สุดในรอบสัปดาห์


· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลว่าอาจมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นตามช่วงวันหยุดยาวของวันแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นการยุติการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ และอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์พลังงาน

ผลสำรวจจาก Reuters แสดงให้เห็นว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่มขึ้นใน 22 จาก 50 รัฐของสหรัฐฯ ในช่วงสุดสัปดาห์วันหยุด ในขณะเดียวกันกรณีต่างๆก็เกิดขึ้นในอินเดียและอังกฤษ

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 1.9% ที่ระดับ 39.01 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.2% ที่ระดับ 41.93 เหรียญ/บาร์เรล หลังร่วงลง 1.5% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

โดยน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง หลังจาก Aramco ของซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับต้น ๆ ของโลกปรับลดราคาขายอย่างเป็นทางการในเดือนต.ค. สำหรับน้ำมันดิบ Arab light ซึ่งมองว่าสัญญาณการเติบโตของอุปสงค์อาจสั่นคลอนเนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่กำลังลุกลามไปทั่วโลก

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com